“วันนี้ยังไม่ได้ตกลงอะไร เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปให้เป็นข่าวจนเสียหาย วันนี้ไม่ใช่เวลาการเมือง เป็นเวลาของการทำงาน แล้วก็ไม่ได้มุ่งหมายว่าจะให้พรรคใครได้ประโยชน์ ทุกพรรคที่อยู่ร่วมกับผม พรรคร่วมก็อยู่กับผมๆ ก็รับผิดชอบให้ท่านอยู่แล้ว ทำให้มันถูกต้อง ผมก็ยินดี แม้กระทั่งในบางพื้นที่ที่เป็นของส.ส.ฝ่ายค้าน ผมก็ดูแลในทุกจังหวัด” “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตอบคำถามของสื่อตอนหนึ่ง ถึงประเด็นที่เกิดเป็นข้อขัดแย้งระหว่าง พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง จนกลายเป็น “สงครามน้ำลาย” ในยามที่รัฐบาลกำลังรับมือกับ “วิกฤตโควิด” สืบเนื่องมาจาก “คำสั่งนายกฯที่ 85/2557” ว่าด้วย เรื่องการมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบ แนวคิดการขับเคลื่อนไทยในระดับพื้นที่จังหวัด ที่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ “ส่งสัญญาณ” มาหลายวันแล้วว่า “ไม่ค่อยพอใจ” เพราะอย่าลืมว่า พื้นที่ภาคคือ “ฐานเสียงหลัก” ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในคำสั่งนายกฯฉบับดังกล่าว กลับไม่มีชื่อของ รัฐมนตรีในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ลงไปกำกับดูแล แต่มีชื่อ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ ยิ่งทำให้เข้ากับ “สมมติฐาน” ที่ว่า เป็นการยกพื้นที่ภาคใต้ให้กับพรรคพลังประชารัฐ ใช่หรือไม่ จากเดิมที่ ร.อ. ธรรมนัส ดูแลพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู พะเยา เชียงราย แต่ในคำสั่ง มอบหมายให้รัฐมนตรี รับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด กลับให้ร.อ.ธรรมนัส เปลี่ยนมาเป็นดูแลพื้นที่จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช และภูเก็ต แน่นอนว่าในทางการเมืองแล้วข้อสังเกตจากพรรคประชาธิปัตย์ใช่ว่าจะไม่มีมูลเหตุ เพราะหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ พรรคพลังประชารัฐ ที่มี “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มอบหมายให้ร.อ.ธรรมนัส เป็นแม่ทัพลงไปคุมการเลือกตั้งซ่อม ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต3 จนทำให้พรรคพลังประชารัฐ ชนะการเลือกตั้ง ผู้สมัครของพลังประชารัฐ คือ “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” คว่ำ “พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์” ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครศรีธรรมราช ที่ขออาสาลงสนามเพื่อหวังรักษาเก้าอี้ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 มาแล้ว ซึ่งในครั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ มาแล้วเมื่อ พรรคพลังประชารัฐ “ไม่หลีกทาง” ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยเป็นแชมป์เก่า อย่างไรก็ดี ศึกข้ามพรรค ในรัฐบาลเช่นนี้ หากยืดเยื้อต่อไป จะยิ่งมีแต่เสียกับเสีย อย่างน้อยก็สมาธิของพล.อ.ประยุทธ์ เองในฐานะหัวหน้ารัฐบาลที่กำลังสู้กับศึกโควิด -19 อย่างหนัก เวลานี้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องออกมาส่งสัญญาณ “เบรคเกม” คว่ำ “ชามเกาเหลา” ระหว่างแกนนำพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ ให้เร็วที่สุด แม้ว่าลึกๆแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ ใครๆก็ย่อมมองเห็นได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ กำลังถูก “เจาะยาง” ถูกเข้าไปตีฐานเสียงถึงที่ภาคใต้ ทั้งที่พรรคเองก็เพิ่งบาดเจ็บ จากการเลือกตั้งใหญ่ เมื่อ24มี.ค.62 ที่ประชาธิปัตย์ต้องเสียที่นั่งส.ส.ในภาคใต้ เพียง22 เก้าอี้ จาก50ที่นั่ง โดย 28ที่นั่ง ถูกพรรคประชาชาติ พรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาแบ่งไป เรียกว่าแผลเก่ายังไม่ทันได้เยียวยา ยังต้องมาพ่ายพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 แถมเกมนี้ยังทำท่าว่าจะรุนแรง เมื่อพรรคพลังประชารัฐกำลังเดินเกมแรง วางฐานไปถึงการเลือกตั้งรอบหน้า แล้วอย่างนี้จะให้ประชาธิปัตย์ ยิ้มออกได้อย่างไร !?