แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ สำหรับการพูดถึงสมุนไพรไทย อย่างฟ้าทะลายโจร โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่การระบาดในระลอกแรก ด้วยสรรพคุณของฟ้าทะลายโจรชะงัดนักในเรื่องของการลดไข้ จึงเริ่มมีการใช้รักษาผู้ป่วยทีมีอาการน้อย และไม่มีอาการ อย่างไรก็ตาม ใช่ว่า กินฟ้าทะลายโจรแล้ว ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิดก็ได้ จะเป็นความเข้าใจผิด เรื่องนี้ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ชี้แจงเอาไว้ชัดเจน กรณีฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด-19 ได้หรือไม่ เรื่องนี้มีการศึกษาในระดับนานาชาติ ทั้งจีน อินเดีย พบว่า ฟ้าทะลายโจรมีสารสำคัญแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ซึ่งในหลอดทดลองมีฤทธิ์ต้านไวรัสได้อย่างน่าสนใจ โดยปีที่ผ่านมา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการทดลองและพบว่า เมื่อมาอยู่ในเซลล์ร่างกายจะป้องกันโคโรนาไวรัสได้หรือไม่ ปรากฏว่าไม่สามารถป้องกันไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และต้องมีมาตรการป้องกันโรคเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อธิบายต่อว่า ในแง่ของการศึกษาฟ้าทะลายโจร พบว่าสารแอนโดร กราโฟไลด์ในฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ฆ่าไวรัสในหลอดทดลอง และยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางตัว อีกทั้ง ฟ้าทะลายโจรยังเป็นยาลดไข้ที่ดี โดยได้ใช้เป็นยาในบัญชียาหลักในการลดไข้ตั้งแต่ปี 2559 นอกจากนี้ ยังค้นพบว่า ในโควิด-19 มีภาวะการอักเสบ จึงพบว่าฟ้าทะลายโจรลดการอักเสบ และส่งเสริมภูมิคุ้มกันได้ ดังนั้น กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้รับความร่วมมือจากหลายโรงพยาบาล (รพ.)ในการศึกษาวิจัย 9 รพ. มีผู้ป่วยจำนวน 304 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยอาการน้อยให้รับประทานยาฟ้าทะลายโจรในขนาด 180 มิลลิกรัมต่อวัน วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ซึ่งพบว่าผู้ป่วยอาการดีขึ้น โดยไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง อาจมีเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือถ่ายเหลว แต่ไม่มาก จึงคิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกในการใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ขณะเดียวกัน ได้ขยายการใช้ยานี้ใน รพ.สนาม โดย รพ.ธรรมศาสตร์ได้นำไปใช้ เมื่อมีความก้าวหน้าจะเผยแพร่ต่อไป “แม้จะมีประโยชน์ แต่ฟ้าทะลายโจรก็มีข้อห้ามในการใช้เช่นกัน เพราะยาไม่ใช่ขนม จำเป็นต้องใช้อย่างถูกต้อง เช่น ผู้ป่วยรายใดมีประวัติเคยแพ้ฟ้าทะลายโจร หากรับประทานครั้งแรกมีผื่นคันขึ้นต้องหยุดใช้ หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตรก็ไม่ควรใช้ รวมทั้งผู้ป่วยโรคตับ โรคไตก็ต้องหลีกเลี่ยง และท่านที่มีโรคประจำตัว และรับประทานยาประจำ โดยเฉพาะยาลดการแข็งตัว อย่างยาวาร์ฟาริน แอสไพริน โคลพิโดเกรล ซึ่งเป็นยาที่จ่ายให้กับผู้ป่วยอัมพฤตอัมพาต หรือเส้นเลือดหัวใจตีบต้องระวัง และผู้ป่วยที่รับประทานยาลดความดันโลหิตก็ไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกัน” ส่วนการใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ว่า เป็นข้อแนะนำได้ในระดับหนึ่ง แต่ต้องรับประทานฟ้าทะลายโจรประมาณ 20 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันไม่เกิน 5 วัน หยุด 2 วัน ต่อเนื่องไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งข้อแนะนำนี้เกิดจากการศึกษาที่ประเทศชิลี โดยมีการติดตามผลผู้รับประทานฟ้าทะลายโจรเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันพบว่า เกิดติดเชื้อไข้หวัดน้อยลงอย่างชัดเจน ซึ่งก็ต้องมีการศึกษาต่อไป อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับยาที่ใช้ระดับนี้หากไม่มีข้อห้ามก็จะเป็นประโยชน์ได้ ดังนั้น ข้อมูลความรู้ในวันนี้ คือ ยังจำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ควบคู่ไปกับการสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรได้ ขณะเดียวกันก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยและไม่ไปในสถานที่เสี่ยง