ในภาวะวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เข้ามาจัดระเบียบโลกใหม่ การต่อสู้ดิ้นรนของคนในสังคมให้อยู่รอดในภาวะวิกฤติ กลับพบการก่อตัวของลัทธิ และความเชื่อต่างๆในซอกหลืบของสังคมก่อตัวและเจริญเติบโตอยู่ท่ามกลางเทคโนโลยีที่รุดหน้าไปไกล เรายังพบการอวดอุตริ แสดงอิทธิฤทธิปาฏิหารย์ และโปรโมทตนเองว่าเป็นผู้บรรลุธรรม เป็นพระพุทธเจ้า กระทั่งเหตุการณ์ที่ช็อกสังคม ของลัทธิกิโยติน ที่อดีตเจ้าสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ก่อเหตุบั่นศรีษะตนเองอ้างว่าถวายเป็นพุทธบูชา ตามความเชื่อว่าจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตนั้น รศ.ดร.ประพันธ์ ศุภษร ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาเอกสาขาพระพุทธศาสนาภาคเสาร์-อาทิตย์บัณฑิตวิทยาลัยส่วนกลางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อธิบายไว้ในเดลินิวส์ออนไลน์ 20 เมษายน 2564 ว่าการเสียสละชีวิตร่างกายหรืออวัยวะในกรณีอดีตชาติของพระโพธิสัตว์เป็นการบำเพ็ญบารมีโดยจิตที่ตั้งไว้เป็นสัมมาทิฐิ จะยอมสละชีวิตของตนนั้นต้องมีเหตุการณ์บังคับที่ไม่สามารถเลือกทางอื่นทำไปเพื่อให้คนอื่นอยู่รอดเพื่อสังคมอยู่ได้แต่ไม่ใช่การวางแผนฆ่าตัวตายเพื่อตัวเอง ดังนั้นชาวพุทธควรมีหลักศรัทธาและตามด้วยปัญญาพิจารณาใช้เหตุผลตามคำสอนทางพระพุทธศาสนาอย่างละเอียดถึงแก่นจึงจะถือว่าเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานเข้าสู่กระแสนิพพานได้อย่างแท้จริง กระนั้น เรื่องการฆ่าตัวตาย บทบรรณาธิการสยามรัฐ ขอยกพระธรรมเทศนาเรื่อง “กรรมของการฆ่าตัวตาย” ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่แสดงไว้เนื่องในวันวิสาขบูชา วันที่ 17 พฤษภาคม 2543 มาถ่ายทอดดังนี้ “ความเกิดน่ากลัวนัก น่ากลัวกว่าความตายแน่นอน แต่ส่วนมากพากันกลัวความตาย โดยไม่ได้นึกถึงความเกิดเลย พากันไปเกิดลำบากยากเย็นก็เพราะเหตุนี้ เมื่อไม่นึกถึงความเกิดก็ย่อมไม่เตรียมสร้างภพภูมิใหม่ให้งดงามสำหรับความ เกิดใหม่ ผู้ใจกล้าบางคนทำลายชีวิตได้ทั้งที่เป็นการกระทำที่น่ากลัวอย่างยิ่ง คนฆ่าตัวตายนั้นท่านว่าไว้ว่าจะต้องไปฆ่าตัวตายอีกห้าร้อยชาติ นั่นก็คือจะต้องไปมีสภาพที่ทุกข์ทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึง 500 ชาติ ถ้าชาตินี้จะเป็นการฆ่าตัวตายครั้งแรก ถ้าเป็นการฆ่าตัวตายชาติที่ 499 แล้วก็คงเหลือต้องลำบากยากเข็ญอีกเพียงชาติหน้าชาติเดียว อย่างไรก็ตามอย่าคิดว่าการฆ่าตัวตายชาตินี้เป็นชาติที่ 499 จะดีกว่า คิดว่าเป็นชาติแรกของการฆ่าตัวตายเถิด ขืนฆ่าตัวตายชาตินี้เพื่อหนีอะไรก็ตามที่รู้สึกว่ารับไม่ได้ ตายเสียดีกว่า จะสบายกว่า ขืนคิดผิด ก็จะเสี่ยงกับการต้องไปรับผลของบาปกรรม ต้องทุกข์ร้อนแสนสาหัสจนทนไม่ได้ ต้องฆ่าตัวตายอีกต่อไปและต่อไป จนครบ500 ชาติ น่ากลัวที่สุด จะฆ่าตัวตายชาตินี้เพื่อหนีความทุกข์ ดูก็น่าทำเพราะดูเหมือนความตายจะพาให้หนีทุกข์ได้ แต่อย่าลืมความเกิดที่จะตามความตายมาทันที ดังที่กล่าวแล้ว จะเกิดพบผลแห่งกรรมของการฆ่าตัวตาย ต้องทุกข์ทรมานจนต้องคิดฆ่าตัวตายอีกจนได้ ตรงนี้ที่ว่าควรกลัวความเกิดมากกว่าความตาย ตายไม่ยาก วินาทีเดียวก็ตายได้ แต่ไม่ได้ตายอยู่นาน วินาทีเดียวก็ไปเกิดใหม่แล้ว ความตายจะมีประโยชน์อะไร มีแต่จะนำทุกข์โทษตามมาเท่านั้นแม้ไม่เตรียมการเกิดหลังการตายใจภพภูมินี้ ให้ดี” (http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16286, /https://www.trueplookpanya.com/blogdiary/1145) ดังนั้น เราเกิดมาแล้ว จงมีชีวิตอยู่เพื่อทำความดี