นาทีนี้ เมื่อ "ฝ่ายตรงข้าม" ซวนเซ ทำท่าว่าจะเสียรังวัดอยู่ร่อมร่อ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นความคึกคักจาก "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใช้ คลับเฮาส์ เป็นเวทีถล่ม "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยประเด็นการบริหารจัดการปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนกลายเป็นแนวรบใหม่ให้ฝ่ายตรงข้าม ไล่ขย่ม อย่างที่เห็น ทักษิณ ใช้ชื่อ Tony Woodsome วิพากษ์วิจารณ์ ตัวพล.อ.ประยุทธ์ ถึงเรื่องของการใช้งบประมาณ ว่าเป็นการไปกู้เงินแล้วเอามาแจกประชาชน แต่ไม่ได้ผลในทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงฝากการบ้านเรื่องการแก้ไขปัญหาโควิด และยังเสนอตัวว่าเขาเองมีคอนเนคชั่น ที่พร้อมจะช่วยเหลือคนไทย โดยทักษิณ ได้กล่าวตอนหนึ่งในการพูดคุยในคลับเฮาส์ เมื่อค่ำวันที่ 20 เม.ย.64 ตอนหนึ่งว่า "สำหรับกรณีวัคซีน คิดว่าต้องไปร่วมกับหลายประเทศ นักธุรกิจหลายคนมีขีดความสามารถที่จะไปเจรจากับบริษัทผลิตวัคซีน เช่น จีน สิงคโปร์ รัสเซีย อย่างตะวันออกกลางใช้ซิโนฟาร์มเยอะมาก นักธุรกิจชั้นนำของไทยมีคอนเน็กชั่นมากมาย ขอให้แต่ละคนช่วยกันเจรจาสิ เช่น เจ้าสัวธนินท์ ขอให้ท่านไปช่วยเจรจากับประเทศจีน เจ้าสัวเจริญไปเจรจากับสิงคโปร์ หรือจะให้ผมไปช่วยคุยกับปูติน รัสเซียก็ได้ สรุปคือรัฐบาลเองจะต้องตื่นตัวมากกว่านี้ พอได้มาก็รีบกระจายวัคซีน ไม่ใช่กระจุกอยู่ที่เดียว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและร้านอาหารต้องฉีดก่อน" เมื่อสัญญาณจากทักษิณ จงใจกระแทกไปยังพล.อ.ประยุทธ์ โดยอาศัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เช้าวันต่อมา "พรรคเพื่อไทย" ทำ "จดหมายเปิดผนึก" ส่งถึงพล.อ.ประยุทธ์ ส่ง "3ข้อเรียกร้อง" ในฐานะที่นายกฯเป็น ผอ.ศูนย์ศบค.เพื่อต้องการรับทราบถึงแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหา พร้อมกันนี้พรรคเพื่อไทยยัง "เสนอตัว" ว่ายินดีที่จะร่วมมือ กับทุกฝ่ายเพื่อร่วมกันฝ่าวิกฤตของประเทศไปด้วยกัน ซึ่งละม้ายคล้ายคลึงกับ การเสนอตัวของอดีตนายกฯทักษิณ ว่าพร้อมจะใช้คอนเนคชั่นเจรจากับผู้นำรัสเซีย และคงไม่ต้องคาดเดา ว่าพล.อ.ประยุทธ์ ย่อมปฏิเสธที่จะต่อความยาว หรือแสดงความเห็นใดๆ เพราะไม่อยากให้ "เข้าทาง" ฝั่งตรงข้ามไปมากกว่าที่เป็นอยู่ "ผมไม่ตอบ อย่าเอาคำถามคนที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมาถามผม ผมไม่รู้จัก ผมไม่รู้เรื่องเขา" แน่นอนว่าการออกมาเคลื่อนไหวผ่านโลกโซเชี่ยล ของอดีตนายกฯทักษิณ ครั้งนี้ ย่อมไม่มีอะไรในกอไผ่ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเปิดเกมชิงพื้นที่ทางการเมืองจาก "คู่แข่ง" คือพล.อ.ประยุทธ์ ขณะเดียวกันยังต้องไม่ลืมว่า วันนี้ พรรคเพื่อไทยที่เคยอยู่ในสภาพเงียบเหงา จนถนัดใจ ปล่อยให้ "พรรคอนาคตใหม่" จนมาถึง "พรรคก้าวไกล" พรรคร่วมฝ่ายค้าน เล่น "บทนำ" มาพักใหญ่ หากทักษิณ จะไม่ขยับดำเนินการอย่างใด อย่างหนึ่ง เมื่อ โอกาสทำแต้มมาถึงมือเช่นนี้ ก็ดูจะกลายเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจนเกินไป การดำเนินบทบาท ผู้นำทางความคิด การสวมบท "กูรู" ของทักษิณ คือความจงใจที่จะทำให้เกิด "ภาพสะท้อน" ไปจนถึงการเปรียบเทียบระหว่างคนชื่อ "ทักษิณ" กับ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ให้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น และอย่าลืมว่า การต่อสู้ทางการเมือง ไปจนถึงวันยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่นั้น ทักษิณ ย่อมไม่ใช่ผู้กำหนดเกม หรือเรียกความเชื่อมั่น จน "สะกด" ให้ลูกพรรคอยู่ในคาถา โดยไม่มีใครแตกแถว หนีทัพออกไปอยู่รังใหม่ ?