ตัวเลขดัชนีเชื่อมั่น

แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 จากคลัสเตอร์ทองหล่อ จะทุบ “สงกรานต์” จนน่วม แต่ที่น่าสนใจก็คือ ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยรวมเดือนมีนาคม จาก 2 สถาบัน ซึ่งเป็นการสำรวจก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังระบาดรอบใหม่ จากคลัสเตอร์สถานบันเทิงทองหล่อ กระทรวงพาณิชย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมในเดือนมีนาคม2564 ที่ผ่านมา ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 47.5 จากระดับ 45.5 ในเดือนก่อนหน้า เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 38.1 มาอยู่ที่ระดับ 40.2 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 50.4 มาอยู่ที่ระดับ 52.3 ทั้งนี้ เมื่อจำแนกรายภูมิภาค พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากระดับ 46.1 มาอยู่ที่ระดับ 49.6 และภาคใต้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 47.0 มาอยู่ที่ระดับ 48.5 และเมื่อจำแนกรายอาชีพ พบว่า กลุ่มผู้ประกอบการ ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 45.8 มาอยู่ที่ระดับ 49.3 เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว กลุ่มเกษตรกรปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 46.8 มาอยู่ที่ระดับ 47.7 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น และกลุ่มพนักงานของรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 51.4 มาอยู่ที่ระดับ 52.5 ขณะที่นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมีนาคม 2564 พบว่า ดัชนีกลับมาลดลงอีกครั้งหลังจากฟื้นตัวเป็นบวกได้ในเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนมีนาคมปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 48.5 เนื่องจากมีความกังวลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการประกาศงดกิจกรรมสงกรานต์ของ ศบค. การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ล่าช้าส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว แม้ว่าจะมีมาตรการของรัฐบาลเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะโครงการ “เราชนะ” และโครงการต่างๆ ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 42.5 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำอยู่ที่ระดับ 45.3 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 57.7 โดยปรับตัวลดลงทุกรายการ นายธนวรรธน์ ยังกล่าวกล่าวอีกว่า ต้องติดตามการแพร่กระจายของโควิด-19 รอบใหม่ว่าจะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน รุนแรงเพียงใด และรัฐบาลจะมีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างไร รวมถึงจะมีการ Lockdown ในจังหวัดต่างๆ หรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในอนาคตได้ และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 3.0 ได้ จากฐานตัวเลขของทั้ง 2 สถาบัน สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง กระนั้น แต่นั่นอาจไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเท่ากับดัชนีในเดือนเมษายน ที่ต้องเผชิญกับโควิดอาละวาด จะบักโกรกขนาดไหน เตรียมทำใจไว้เลย