เสรี พงศ์พิศ www.phongphit.com ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักคิดทางสังคมที่มักมีอะไรให้จดจำและนำไปพูดถึงและประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ อยู่หลายครั้ง หลายปีก่อน เขาเขียน “สองนคราประชาธิปไตย” ที่ ”คนชนบทเลือก คนเมืองล้ม” วันนี้เขาเสนอ “บูรพาภิวัตน์” อาจารย์เอนกไม่ได้เพียงเสนอ “คำหลัก” ที่เป็นเหมือน “มาสเตอร์คีย์” ให้เราไขเข้าไปในสถานการณ์โลกปัจจุบัน แต่ท่านให้รายละเอียดทั้งทางเศรษฐกิจสังคมที่หนักแน่นจนยากที่ใครจะเห็นค้าน ที่เขียนวันนี้อยากจะให้เห็นอีกด้านหนึ่งหรือมิติหนึ่งที่อาจารย์เอนกไม่ได้พูดถึงหรือพูดถึงน้อย คือ เรื่องทางจิตวิญญาณที่โลกทั้งโลกกำลังหันมาให้ความสนใจกับ “ปรัชญา-ศาสนา” ความเชื่อ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของเอเชีย ไม่ใช่แต่เพียงนักปรัชญาและนักฟิสิกส์อย่างเดวิด โบห์มหรือไอนส์ไตน์ ในระยะสี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เคยเข้าไปหาอ่านและซื้อหนังสือเกี่ยวกับ “พลังจิต” มิติที่ 4 สัมผัสที่ 6 หรือ ปรจิตวิทยา (parapsychology) ที่ห้องสมุดและร้านหนังสือหลายแห่งในยุโรป สหรัฐอเมริกา ปรากฎว่าหนังสือเหล่านี้อยู่ในหมวด “ไสยศาสตร์” (occultism) แต่ก็ค่อยๆ ย้ายไปอยู่ในหมวด “ปรัชญา-ศาสนา” หรือ “เรื่องทางจิตวิญญาณ” และ “จิตวิทยา” เมื่อ 25 ปีก่อน CNN สำรวจพบว่า คนอเมริกันร้อยละ 30 เชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด 5 ปีต่อมาปรากฎว่าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 วันนี้น่าจะมากกว่าครึ่ง ขณะที่ชาวบราซิลร้อยละ 70 เชื่อเรื่องนี้ นอกจาก ดร.เอียน สตีเวนสัน ที่มีชื่อเสียงจากงานวิจัยเรื่องการกลับชาติมาเกิด โดยศึกษา 3,000 กรณี ทั่วโลก ส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย โดยเฉพาะอินเดีย พม่า ไทย ยังมีนักวิชาการที่จบการศึกษาด้านการแพทย์ หรือจิตวิทยาจำนวนมากที่หันมาสนใจศึกษาเรื่องนี้ และขยายไปสู่เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ส่วนหนึ่งเป็นการศึกษาต่อเนื่องจากการวิจัยประสบการณ์ของคนที่ตายแล้วฟื้นคืนมา หรือชีวิตหลังความตายของนักจิตวิทยาที่โด่งดังอย่างน้อย 2 คน คือ เอลิซาเบ็ท คูเบอร์ รอส และเรย์มอนด์ มูดี้ โดยขยายขอบเขตการศึกษาไปไกลถึงทั้งชาติก่อน ชาตินี้ และชาติหน้า อ่านหนังสือของนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการเหล่านี้และคนอื่นๆ แล้วทำให้เชื่อว่า โลกตะวันตกวันนี้หันมาหาตะวันออกเพราะมี “นักวิทยาศาสตร์” ที่ยืนยันกับพวกเขาว่า สิ่งที่คนตะวันออกเชื่อนั้นไม่ใช่เรื่องงมงายไสยศาสตร์ แต่เป็น “เรื่องจริง” ที่มีข้อพิสูจน์หลายอย่าง แม้ว่า “ความจริง” นั้นอาจจะเป็นการพิสูจน์ด้วย “สูตร” และ “สมการ” คนละอย่างกับ “วิทยาศาสตร์” กระแสหลัก ไม่น่าเชื่อว่า หนังสือเหล่านี้ขายได้เป็นล้านเล่ม บางเล่มหลายสิบล้าน เป็นหนังสือขายดีอันดับต้นๆ ของอเมซอนหรือหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ที่จัดอันดับหนังสือยอดนิยม และมีการแปลไปหลายภาษา บางเล่มมากกว่า 20 ภาษา ดร.ไบรอัน ไวส์ น่าจะเป็นอีกคนหนึ่งถัดจาก ดร.เอียน สตีเวนสัน ที่มีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อการเปลี่ยนความคิดความเชื่อของคนตะวันตก เขาเป็นจิตแพทย์ที่เปลี่ยนความคิดแบบเดิมๆ ของวิชาจิตวิเคราะห์เพราะประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ได้รับจากการทำการสะกดจิต ทำให้คนระลึกชาติได้ มีรายละเอียดและ “ข้อพิสูจน์” มากมายจนเขาต้องเชื่อว่าสิ่งที่คนไข้ของเขา “เห็น” นั้นไม่ใช่ภาพลวงตาหรืออุปาทาน เขาบอกว่า คนเราเกิดมาแล้วหลายชาติ การสะกดจิตทำให้คนได้อย่างน้อย 2 อย่าง อย่างแรกคือทำให้หายจากความเจ็บป่วยบางอย่างที่ไปรักษาแบบไหนที่ไหนก็ไม่หาย แต่เมื่อระลึกชาติได้ และกลับไปยังชาติที่เคยได้รับเหตุการณ์บางอย่างที่สัมพันธ์กับความเจ็บป่วยชาตินี้ คนไข้ของเขาก็จะหายจากอาการนั้น บางคนเคยจมน้ำตายกลายเป็นคนกลัวน้ำ ก็จะหายกลัว เคยตกจากที่สูง กลัวความสูงก็หาย เคยขาหักชาติก่อน และเจ็บกระดูกรักษาไม่หาย ก็หาย เจ็บต้นคอ ชาติก่อนเคยถูกแขวนคอ ก็หายเจ็บ เป็นต้น อย่างที่สอง คนจะไม่กลัวตายอีก เพราะพบว่าวิญญาณเป็นอมตะ ร่างกายเป็นที่อาศัยชั่วคราว ตายแล้วก็จะมาเกิดใหม่ ในร่างกายใหม่ “วิญญาณเราเหมือนคนขับ กายเป็นรถ เมื่อรถเก่าและผุพังก็ทิ้งไป อาจมีเฟอร์รารีคันงามรออยู่ปลายถนนก็ได้” ดร.ไวส์บอกที่ประชุมชาวอิตาเลียนที่เมืองมิลาน ดร.ไวส์บอกว่า ตั้งแต่นี้ไป คงไม่เพียงพอที่จะหาสาเหตุของพฤติกรรม ของปัญหา ของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จาก “ปัจจุบัน” เท่านั้น แต่คงต้องย้อนกลับไปหาคำอธิบายใน “ชาติก่อน” ด้วย ดร.ไมเกิล นิวตัน เขียนหนังสือ “การเดินทางของวิญญาณ” (Journey of Souls) และ “ชะตากรรมของวิญญาณ” (Destiny of Souls) สรุปจากปากคำของคนไข้ของเขาหลายพันคนว่า ตายแล้วไปไหน และเตรียมตัวกลับมาเกิดใหม่อย่างไร ข้อสรุปของเขา คือ คนเราเลือกเกิดได้ มีเป้าหมายในชีวิตนี้ที่มา “ใช้กรรม” หรือ “ชดใช้แก้ไขความผิดพลาดในชาติก่อน” เพื่อจะได้เติบโตและค่อยๆ ไปสู่ความหลุดพ้น แต่ชีวิตนี้มีทั้งชะตากรรม (destiny) ที่สวรรค์กำหนด และเจตจำนง (free will) ของเราเองที่เป็นอิสระที่จะเลือกและต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจและการกระทำของเราเอง