ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์
ตอนที่แล้ว ผู้เขียนหยิบยกงานเขียนชื่อ “เราจะก้าวสู่ 4.0 ได้อย่างไร หากสิทธิและเสรีภาพของเด็กและเยาวชนยังอยู่ 0.4” ของ นายอับดุลปาตะ ยูโซะ น้องจากค่ายเยาวชนรุ่นใหม่ใส่ใจเคารพสิทธิในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รุ่นที่ 5 ซึ่งได้รางวัลยอดเยี่ยมจากการประกวดผลงานศิลปะ “ศิลป์สื่อสิทธิ์ 4.0 : การเคารพสิทธิผู้อื่น” ในสาขางานเขียน มานำเสนอ โอกาสนี้จึงขอนำส่วนท้ายของงานเขียนที่น่าสนใจมาบอกเล่าต่อให้จบเนื้อความ
นายอับดุลปาตะ ยูโซะ บอกเล่าเนื้อหาตอนท้ายงานเขียนของตนเองว่า 13 ปีแห่งความรุนแรง 13 ปีแห่งความสูญเสีย และยังเป็น 13 ปีแห่งการละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชนอย่างไม่น่าให้อภัย ซึ่งท่านทั้งหลายอาจจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีหายนะใดในโลกนี้ ที่จะน่ากลัวไปกว่าการทำลายต้นกล้าแห่งอนาคตอีกแล้ว” ดังนั้น ข้าพเจ้าคิดว่า คงถึงเวลาแล้วที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้จะต้อง “คืนสิทธิเสรีภาพ” ให้แก่เด็กและเยาวชนอย่างแท้จริง ให้เขาเหล่านั้นซึ่งอาจจะรวมถึงข้าพเจ้าในฐานะเยาวชนด้วย ได้อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต ให้เขาได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีที่ควรจะเป็น ตลอดจนให้ได้รับสิทธิเสรีภาพอันพึงมีพึงได้อย่างแท้จริง
และในขณะเดียวกัน เด็กและเยาวชนเองก็จะได้เตรียมตัวที่จะเป็นกำลังสำคัญของสังคม ด้วยการขยันหมั่นศึกษา หาความรู้ ประสบการณ์ และใช้เวลาให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวินัย มีความขยันขันแข็งตั้งใจในทุกด้านด้วยความรับผิดชอบ ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต ตลอดจนมีความเมตตากรุณา ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น ตั้งตนอยู่ในความเสียสละ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม เพราะหากผู้ใหญ่ทุกคนในบ้านเมืองนี้ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเคารพสิทธิเสรีภาพของเด็กและเยาวชน ด้วยการไม่ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพเหล่านั้น และเด็กและเยาวชนเองก็ได้ตระหนักถึงอนาคตของตน สังคม และของประเทศชาติ โดยพยายามประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับวัยแล้วก็จะได้ชื่อว่าเป็น “เด็กดี” สังคมก็จะมีแต่ความสวยงามและความผาสุกร่มเย็น อันจะนามาสู่ความสันติสุขในพื้นที่ต่อไป
ท้ายของงานเขียนหรือบทความชิ้นนี้ ข้าพเจ้าอยากจะขอนำภาพที่ข้าพเจ้าได้ถ่ายไว้ขณะทำกิจกรรมพบปะสัมพันธ์ชุมชนในโครงการ “ค่ายเยาวชนรักษ์บ้านเกิด ปี 2” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 8-12 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยเครือข่ายเยาวชนพัฒนาบ้านเกิด หรือ PPS ที่ข้าพเจ้าเป็นประธานอยู่ มาเป็นภาพประกอบ เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้เห็นถึงความสวยงามในรอยยิ้มของเด็กๆ ที่ยังรอโอกาสจากสังคม
โอกาสที่จะให้เขาได้มีชีวิตรอดที่สง่าผ่าเผย โอกาสที่จะให้เขาได้รับการพัฒนาตัวเองเพื่ออนาคตที่ดีของตัวเขาเอง โอกาสที่จะให้เขาได้รับการปกป้องคุ้มครองจากอบายมุขและภยันตรายต่างๆ โอกาสที่จะให้เขาได้มีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เพราะในเรื่องของสิทธิเสรีภาพในตัวบุคคลนั้น คนทุกคนมีสิทธิในฐานะเป็นมนุษย์คนหนึ่ง นั่นก็คือ “สิทธิของความเป็นมนุษย์” และในฐานะมนุษย์คนหนึ่งของสังคมนั้นทุกคนมี “สิทธิของความเป็นพลเมือง” ของสังคมอย่างเท่าเทียมกัน
นั่นคือทั้งหมดของงานเขียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ที่สามารถสะท้อน “ทัศนะ” ของเยาวชนคนหนึ่งต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้อย่าง “แหลมคม” เต็มไปด้วยข้อคิด ประสบการณ์ ความจริง ที่จักเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการร่วมกันแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องหลายปีมาแล้ว
ทั้งนี้ นายอับดุลปาตะ ยูโซะ คือหนึ่งในผลผลิตจาก “ค่ายเยาวชนรุ่นใหม่ใส่ใจเคารพสิทธิ” (Young Human Rights Champion) ซึ่งดำเนินงานโดย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ มูลนิธิฟรีดิช เนามัน โดยมีน้องๆ เยาวชนที่มีโอกาสเข้ามาร่วมค่ายฯ รวมทั้งสิ้น 5 รุ่น รุ่นละประมาณ 50-60 คน ทั้งหมดเป็นเยาวชนจากพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ซึ่งมีโอกาสไปเข้าค่ายร่วมกันที่ ชคะมาศรีสอร์ท แอนด์ โฮมสเตย์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวมแล้วทั้งสิ้นกว่า 300 ชีวิต เพื่อเรียนรู้เรื่องสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน รวมถึงเรื่องเทคนิคการเขียน การถ่ายภาพ การวาดภาพ และการผลิตภาพยนตร์สั้น ก่อนจะลงสัมผัสเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ในพื้นที่จริง แล้วเก็บเกี่ยวเรื่องราวที่ได้พบมาย่อยมาผลิตเป็นงานศิลปะแขนงต่างๆ
นอกจากความรู้ประสบการณ์ที่เหล่าเยาวชนได้รับแล้ว สิ่งสำคัญที่ได้เก็บเกี่ยวเป็นต้นทุนชีวิตคือ “มิตรภาพ” กับเพื่อนใหม่ๆ ทั้งพุทธ มุสลิม ทั้งชาย หญิง หรือกลุ่มเพศที่สาม (LGBT : Lesbian, Gay, Bisexual, Transgender) และต่อเนื่องมาถึงโอกาสในการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมกันในลักษณะต่างๆ การประกวดผลงานศิลปะ “ศิลป์สื่อสิทธิ์ 4.0 : การเคารพสิทธิผู้อื่น” ใน 4 สาขา ได้แก่ งานเขียน งานภาพถ่าย งานภาพวาด และงานหนังสั้น/สารคดี ในโครงการระบบสื่อสารออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ทางไกล เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเฉลิมฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ดำเนินงานโดย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) คืออีกหนึ่งกิจกรรมต่อเนื่องที่เปิดโอกาสให้เยาวชนเหล่านี้ได้มีส่วนร่วมอย่างจริงจังตามศักยภาพและโอกาสที่มีให้
ภาพของเหล่าเยาวชนที่มีโอกาสได้เดินทางไกลจากถิ่นเกิดชายแดนใต้ มารับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ รวมถึงร่วมกิจกรรม “นวัตกรรมสิทธิมนุษยชน : พื้นที่แห่งอนาคต : การเคารพสิทธิผู้อื่น” ซึ่งจัดโดย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมกับ มูลนิธิฟรีดิช เนามัน แห่งประเทศไทย และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ใจกลางเมืองกรุง มีโอกาสได้สัมผัสเรียนรู้สถานที่สำคัญต่างๆ ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ และที่สำคัญ คือการได้บันทึกภาพเป็นที่ระลึกกับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางมาชมผลงานและให้กำลังใจเหล่าเยาวชนจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด นับเป็นหนึ่งใน “ความทรงจำ” ของเหล่าเยาวชนที่มีคุณค่ายิ่ง และเป็นอีกกรณีศึกษาหนึ่งที่สะท้อนถึงการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน หรือมูลนิธิฯ ที่มุ่งเป้าเปิดโอกาสให้แก่เยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่า “ด้อยโอกาส” ขณะที่ปัจจุบันนี้กลับมีโอกาสมากมายที่สามารถไขว่คว้าได้ตามที่ใจปรารถนา เพื่อนำสิ่งดีๆ มาพัฒนาตนเองและตอบแทนกลับคืนสู่ถิ่นเกิดร่วมกัน