น่าสนใจว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ที่พรรคประชาธิปัตย์แชมป์เก่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสมรภูมินี้ ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองอย่างรุนแรงทั้งปัจจุบัน และอนาคต
ด้วยการเลือกตั้งที่ผ่านมานี้ แม้จะเป็นการเลือกตั้งซ่อมเพียงเขตเดียว แต่พรรคการเมืองคู่แข่งทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ต่างให้ความสำคัญ โดยแกนนำระดับหัวหน้าพรรคต่างลงพื้นที่หาเสียงเต็มอัตราศึก ล้อไปกับกระแสข่าวการยุบสภาที่ลอยมาตามกระแสลม ที่ไม่ว่าข่าวดังกล่าวจะมาจากการวิเคราะห์สถานการณ์กันเอง หรือการปล่อยออกมาตีปลาหน้าไซ หวังผลควบคุมสถานการณ์การเมือง และพฤติกรรมของบางพรรคการเมืองให้อยู่ในแถว
หากมองอีกมุม ผลการเลือกตั้งสะท้อนผู้มีอำนาจยังคงกุมสภาพการเมืองไทยไว้ได้ ไม่เพียงแต่ในสนามเลือกตั้งซ่อม หากแต่การเมืองบนท้องถนน ที่บรรดาแกนนำกลุ่มเคลือนไหวทางการเมืองต้องหมดอิสรภาพ ที่แม้การไร้แกนนำจะสร้างความปั่นป่วนให้กับเจ้าหน้าที่ให้เบื้องแรก แต่หากทอดระยะเวลายาวออกไป ผลเสียจะตกอยู่กับฝ่ายมวลชนมากกว่า กลศึกในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช จึงแยบคายยิ่งนัก
นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประเมินภาพรวมผลการเลือกตั้งชี้ให้เห็นว่า อาจจะมีตัวแปรบางตัวที่พรรคการเมืองบางพรรคได้คะแนนที่เคยเป็นของเรา ทำให้คะแนนสวิงได้ แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน และนำมาประเมินสถานการณ์ทั้งหมด เพื่อเตรียมตัวหากจะมีการเลือกตั้งใหญ่ใน2 ปีข้างหน้าว่าจะกำหนดยุทธศาสตร์อย่างไร โดยในพรรคจะต้องมีการพูดคุยกันถึงจุดออนจุดแข็งในพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร
“ถือว่ารอบนี้แม้เราจะไม่ได้เป็นผู้แทนฯอย่างน้อยก็บ่งบอกว่าเราต้องทำการบ้านเพราะยังมีข้อสอบใหญ่ในอีก2 ปีข้างหน้าว่าจะทำอย่างไร”
กระนั้น ผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช นอกจากเป็นการบ้านของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ยังให้เป็นการบ้านสำหรับพรรคการเมืองทุกพรรค
แม้แนวโน้ม อาจจะยังต้องใช้กติกาการเลือกตั้งแบบเดิม หากไม่สามรถหักด่านไปแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ แต่สิ่งที่พรรคการเมืองทุกพรรคต้องยึดเอาเป็นบทเรียนก็คือ ที่ผ่านมาสังคมไทยแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทะเลาะเบาะแว้ง สร้างบาดแผลไว้ให้กับทุกฝ่าย เมื่อฝ่ายหนึ่งได้เข้าสู่อำนาจ อีกฝ่ายก็ออกมาขับไล่ ทำให้เกิดวิกฤติการเมืองและวิกฤติเศรษฐ
กิจ เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง ทำให้ประเทศชาติไม่พัฒนา
ขณะเดียวกัน ในยุคนิวนอร์มอล ประชาชนรู้เท่าทันนักการเมืองมากขึ้น การทำงานของพรรคการเมืองจึงต้องเข้าหาประชาชน ไม่เฉพาะในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเพียงเท่านั้น แต่ต้องทำงานในพื้นที่อย่างจริงจัง ทั้งในโลกจริงและโลกออนไลน์
ที่สำคัญคือการนำเสนอนโยบาย ที่เป็นไปได้จริง ไม่ขายฝัน และไม่ส่งผลกระทบให้เป็นภาระงบประมาณของพี่น้องประชาชน
กระนั้น ก่อนจะได้สอบไล่ เลือกตั้งใหญ่กันในอีก 2 ปีข้างหน้า พรรคการเมืองมีสอบเก็บคะแนนครั้งสำคัญ คือการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่สนามนี้เป็นสนามปราบเซียน