สมบัติ ภู่กาญจน์ ถ้า ‘ครูของผม’ ยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ ผมเชื่อว่า ท่านคงไม่สบายใจแน่ และท่านคงพยายามบอก บอกผู้คนในสังคมไทย ที่กำลังใช้เวลาก้มหน้าอยู่กับกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ทั้งในพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่สาธารณะ ซึ่งนับวันจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นๆ เรื่อยๆ ว่า “ โลกนี้มิได้มีแค่ ‘เรา’ เท่านั้นหรอกนะ ลูกเอ๋ยหลานเอ๋ย แต่โลกยังมี ‘เขา’ คือคนอื่นๆ อีกมากมายหลายหลาก ที่เขาก็อยู่ร่วมในสังคมเดียวกันกับเราด้วย หลายกิจกรรมที่ต้องทำในโลกนี้ ยังมีเขา และเรา ที่ต้องร่วมรู้ หรือร่วมทำอะไรด้วยกันอยู่อีกมาก พยายามหยุด-พัก-และเงยหน้า ขึ้นมามองเขาเหล่านั้นกันด้วย ว่าเขามี-เขาเป็น-อะไรกันอย่างไร? โลกนี้มีเขา-มีเรา มานานนับหมื่นปีแล้ว และก็เพราะสังคมมันมีทั้งเขาทั้งเรานี่แหละ ความเปลี่ยนแปลงมันจึงได้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น มีสติ นึกถึงการมีเขา-มีเรา-และมีการเปลี่ยนแปลงเข้าไว้ให้มากๆ อย่าเผลอตัวปล่อยใจ การมีสติจะเป็นภูมิคุ้มกัน ที่ดีกว่า การปล่อยตัวเองให้จมอยู่แต่ในโลกของเราเอง โดยไม่สนใจสิ่งใด จนเกินความพอดี ” ผมนึกถึง “อาจารย์คึกฤทธิ์”ซึ่งเป็นครูของผม นึกแล้วก็มโนถึงคำกล่าวนี้ ขณะที่ผมเห็นภาพผู้คนที่เดินอยู่บริเวณสถานี หรือแปดในสิบคนที่นั่งอยู่ในรถไฟฟ้าสาธารณะ กำลังก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์ของตนเอง เป็นเวลานานๆ และทุกครั้งทุกเที่ยวที่ผมกวาดสายตา ทุกคนร่วมอยู่ในรถขบวนเดียวกัน แต่ละคนมีจุดหมายของตนเองที่จะไปถึง แต่คนที่ก้มหน้าอยู่ จะไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ว่าก่อนที่จะถึงจุดหมายของตนนั้น มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในแต่ละสถานีที่ผ่าน จะมีคนเดินเข้าหรือก้าวออกเป็นคนเผ่าพันธุ์ใดเชื้อชาติใดมากหรือน้อยแค่ไหน? หรือคนบางคนจะแสดงท่าทีมีทุกข์มีสุขอย่างไรแค่ไหน? สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของผู้ที่ก้มหน้าเลยแม้แต่น้อย ทุกคนมีแต่โลกของตัวเองที่อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดไม่ใหญ่นักแต่นานาชนิด โลกของตนเองที่อาจจะเป็นเสียงเพลง เป็นเกม เป็นรูปภาพหรือข่าวสารที่ตนเองเป็นคนเลือก ตราบใดที่โลกของเราเองไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เราจะสนใจโลกอื่นไปทำไม เรากำลังเดินทางไปในพาหนะเดียวกัน โดยมีจุดหมายที่ต่างคนก็ต่างไป ซึ่งจุดหมายนั้น มีทั้งที่ตรงและต่างกัน แต่ถ้าคนส่วนใหญ่ ต่างอยู่ในโลกของตนเองโดยไม่สนใจกับโลกของคนอื่น จะส่งผลอะไรบ้างกับสังคมมนุษย์?! ผมยังหาคำตอบนี้ไม่ได้ ได้แต่นึกถึงครูของผม ขณะที่ ปรากฏการณ์เหล่านี้ ก็กำลังเกิดมากขึ้นๆ ในโลกยุคที่ครูของผมจากโลกนี้ไปแล้วหลายสิบปี ปรากฏการณ์ที่ว่า มนุษย์ทุกวันนี้ ใช้อารมณ์ กันมากกว่า เหตุผล ภัยธรรมชาติที่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อมนุษย์ นับวันแต่จะมีมากขึ้นบ่อยขึ้น คนต่างวัย เริ่มมีความเห็นที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงมากกว่า โลกยุคก่อนๆ สภาพการณ์เช่นนี้ เริ่มจะเกิดมากขึ้นๆ ในสังคมต่างๆของโลก ที่ไม่เว้นแม้แต่ ประเทศไทย! ประเทศไทย-ที่กำลังรับผลของการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกด้านในยุคนี้ ที่ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านการเมือง ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ขณะที่คนส่วนหนึ่งก็นับวันแต่จะมีโลกของตนเองอยู่ โดยไม่สนใจ(นัก)กับคนอีกส่วนหนึ่ง ประเทศไทย - ที่ในคำบรรยายของAngel Gurria ( เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาด้านเศรษฐกิจหรือOECD องค์การนานาชาติที่ทำหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งในโลกยุคนี้)) กล่าวไว้ตอนหนึ่ง ว่า แม้สภาวะเศรษฐกิจและความเป็นอยู่โดยรวมของคนไทยจะดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายรัฐที่ต้อนรับกระแสโลกาภิวัตน์ของโลก และการปฏิบัติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 จะทำให้ระดับความยากจนแร้นแค้น ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่าExtreme Poverty จะลดลงจาก 20% ในช่วงทศวรรษที่ 1980 มาเป็น 0.2% ในช่วงปี 2010 ซึ่งเป็นผลมาจากประชาชนสามารถเข้าถึงการศึกษา สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐานได้มากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เศรษฐกิจสังคมไทยก็ยังคงมีจุดอ่อนที่สำคัญอยู่อีก ๓ ประการ คือ จุดอ่อนด้าน การศึกษา จุดอ่อนด้าน นวัตกรรม จุดอ่อนด้าน แก่ก่อนรวย................... ข้อความดังกล่าวนี้ ผมขออนุญาตคัดต่อมาจากบทความของ ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ที่ท่านได้เข้าไปร่วมฟังการบรรยายเรื่องนี้ แล้วนำมาเขียนถึงในคอลัมน์ของท่านที่มีชื่อว่าGlobal Vision ในหน้าหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันพุธที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา ผมอ่านสิ่งที่ท่านเขียนถึงแล้วยิ่งเห็นภาพประเทศไทยในปัจจุบันมากขึ้น จนต้องขออนุญาตนำสาระบางอย่างที่มีอยู่ในบทความของท่านมาอ้างถึงต่อ เพื่อเพิ่มสติของคนในสังคมไทยเราให้มากขึ้น ในยุคที่คนในเมืองส่วยใหญ่กำลังก้มหน้ากันอยู่ในปัจจุบัน ว่า ขณะที่เรากำลังปล่อยตัวปล่อยใจให้อยู่แต่ในโลกของเรากันมากขึ้นเช่นทุกวันนี้ เราจะไม่ฝึกตัวเอง ให้ปรับพฤติกรรมเหล่านี้ให้ลดน้อยถอยลงบ้างกันหรอกหรือ ก่อนที่มันจะติด แล้วพฤติกรรมของเราก็จะเปลี่ยน แล้วผลอะไรอีกสารพัดชนิด ก็จะเกิดตามมา หยุดพักกันสักนิด แล้วเงยหน้าขึ้นมามองสิ่งรอบด้านกันให้มากขึ้น ดีไหมครับ? เพื่อที่จะได้เห็นคนอื่น เห็นสังคมและผู้คนที่อยู่รอบด้าน และเห็นจุดอ่อน ๓ ประการ(ที่คนอื่นเขามองเห็นเรา) ว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจกันบ้างหรือไม่เพียงใด? ทุกจุดน่าฟังทั้งนั้นครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประการที่สาม ท่านมี-ท่านเป็น-ท่านเห็น/หรือไม่เห็นด้วย-อย่างไร? สัปดาห์หน้า เราจะมาติดตามกัน โลกนี้มิได้มีแค่เรา – แต่ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ควรรู้ควรทำ - เงยหน้ากันเถิดครับ ก่อนที่จะตายก่อนรู้!