การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 มี.ค.นี้ แชมป์เก่าเจ้าถิ่นคือ "พรรคประชาธิปัตย์" มี "เทพไท เสนพงศ์" เป็นส.ส.แต่เมื่อเทพไท ต้องคำพิพากษาจากศาลรัฐธรรมนูญมติเอกฉันท์ให้สิ้นสุดลงตั้งแต่ 16 ก.ย.63 สิ้นสภาพ สืบเนื่องจากจากเหตุศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอการลงโทษ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา เนื่องจากร่วมกระทำผิดทุจริตเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557
เมื่อเก้าอี้ส.ส.เมืองนครศรีธรรมราช ว่างลง 1 ที่นั่ง แต่ความต้องการของพรรคการเมืองมีมากกว่าหนึ่ง และมองเห็นแล้วว่า ตนเองต่างก็มีโอกาสที่จะ ส่งคนของพรรคลงไป "แจ้งเกิด" คว้าที่นั่งส.ส.เข้าสภาผู้แทนราษฎร มาเพิ่มได้อีก 1ที่นั่ง
สนามเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ต้องถือว่าไม่ธรรมดา เพราะสนามแห่งนี้ไม่ต่างไปจาก "ศึกศักดิ์ศรี" เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ ต้องพยายาม "รักษาเก้าอี้" เอาไว้ได้ ไม่ให้คู่แข่งจากพรรคพลังประชารัฐโค่นแชมป์ ไม่เช่นนั้นแล้ว จะกลายเป็นว่า ฐานที่มั่นในภาคใต้ของพรรคถูกตีแตก !
และที่สำคัญไปกว่านั้น ชัยชนะครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยังต้องยึดมากุมเอาไว้ให้ได้ เพื่อต่อกรกับพลังประชารัฐ ที่แม้จะเป็น "พรรคร่วมรัฐบาล" ด้วยกัน แต่กลับประกาศท่าทีชูเรื่องประชาธิปไตย เหนือ "มารยาททางการเมือง"
ก่อนถึงวันเลือกตั้งซ่อม มาถึง 7 มี.ค. ทั้ง2พรรคใหญ่ ต่างจัด "ทัพใหญ่" ส่ง "บิ๊กเนม" ลงไปช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครของตนเอง กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะพลังประชารัฐ ที่งานนี้ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคจะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ด้วยตนเองเพื่อช่วยหาเสียงให้กับ "อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ" ในช่วงค้ำวันศุกร์ที่ 5มี.ค.นี้
ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์เอง นอกจาก "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์" ในฐานะหัวหน้าพรรค นำทีมลงไปลุยหาเสียงช่วย "พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์" ผู้สมัครของพรรคแล้ว ยังได้ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคณะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลงไปช่วยหาเสียงก่อนหน้านี้มาแล้วหลายวัน และมีความเป็นไปได้สูงว่าในช่วงโค้งสุดท้าย แกนนำของประชาธิปัตย์ จะทุ่มเทกำลัง ลงไปช่วยพงศ์สินธุ์ เรียกคะแนนเสียงจากพี่น้องชาวนคร ก่อนถึงวันหย่อนบัตร
ชัยชนะเก้าอี้ส.ส.เขต 3 เมืองคอน ที่จะปรากฎชัดเมื่อปิดหีบเลือกตั้งของเย็นวันที่ 7 มี.ค.ผ่านพ้นไปแล้ว ยังต้องจับตาติดตามกันต่อไปด้วยว่า จะเกิดเอฟเฟกซ์ตามมาจากนี้หรือไม่ โดยเฉพาะความบาดหมางระหว่างการทำงานในฐานะ "พรรคร่วมรัฐบาล"จากนี้ไป !