"เร็วๆนี้ ซึ่งได้มีการหารือกับพรรคการเมืองไว้เรียบร้อยหมดแล้ว สุดท้ายเป็นเรื่องของนายกฯตัดสินใจ ก็จะต้องทำให้เร็วที่สุด และวันนี้เป็นการแต่งตั้งรักษาการชั่วคราวก็คงไม่นานนัก และเป็นการสานต่อแนวทางเดิมจนกว่าจะมีรัฐมนตรีว่าการคนใหม่ขึ้นแค่นั้นเอง" "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกกับสื่อถึงความคืบหน้าในการปรับครม.ที่จนถึงวันนี้ยังไม่ได้คำตอบว่าที่สุดแล้ว ที่ว่า "ปรับใหญ่" นั้น เบ็ดเสร็จแล้วจะปรับเปลี่ยนหมุนเวียนกันทั้งหมดกี่เก้าอี้ มีรัฐมนตรีกระทรวงใดบ้าง ที่จะมีรัฐมนตรี หน้าเก่า หน้าใหม่จากกลุ่มก๊วนการเมืองไหน เข้าวิน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ล็อค วันว.เวลา น. เอาไว้อีกว่า ในราวช่วงปลายเดือนมี.ค. หรือต้นเม.ย. จะปรับครม.ให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งบอกสื่อด้วยว่าไม่ต้องไปแปลเป็นอย่างอื่น ! นั่นหมายความว่าการปรับครม. จะเสร็จสิ้น ได้เห็นหน้าค่าตา "รัฐมนตรีใหม่" ว่า ที่สุดแล้วขั้วการเมืองใด ในพรรคไหน มีความแข็งแกร่งมากที่สุด หรือที่สุดแล้ว การปรับครม.ครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้ "สิทธิ์ขาด" ในการคัดเลือกบุคคลว่าใครควรเข้าไปอยู่ในตำแหน่งใด เพราะเวลานี้ กลายเป็นว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลง "3เก้าอี้" คือ รมว.ศึกษาธิการ, รมว.ดีอีเอสและรมช.คมนาคม นั้นอาจกลายเป็น "จุดเปลี่ยน" ที่นำไปสู่การปรับใหญ่ สลับที่เล่นกันหลายเก้าอี้ อีกทั้งยังจะกลายเป็นการเปิดเกมใหม่ เปิดพื้นที่ให้มีการต่อรองกัน ชนิดที่เรียกว่า "แลกกระทรวง" กันข้ามพรรค เพิ่มความวุ่นวาย ปลุกความขัดแย้งกันขึ้นมาโดยใช่เหตุ โดย2 เก้าอี้รัฐมนตรี คือรมว.ศึกษาฯ และรมว.ดีอีเอส เป็นโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ ส่วนอีกหนึ่งเก้าอี้คือรมช.คมนาคม เป็นโควต้าของพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้จะมีความชัดเจนจาก แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะต้องโควต้าของ "ส.ส.สายใต้" แต่จนถึงเวลานี้ กลับกลายเป็นว่าประชาธิปัตย์คงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแค่ เก้าอี้รมช.คมนาคม เท่านั้น เนื่องจากมีเสียงเรียกร้อง กดดันให้ "คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช" ลุกออกจากเก้าอี้รมช.ศึกษาฯ ยิ่งเมื่อมองมายังพรรคพลังประชารัฐ ยิ่งหาทางลงได้ยากลำบาก กว่าใครเพื่อน !! ทั้งเป็นด้วยเพราะ2 เก้าอี้ ที่เป็นโควต้าของพรรค แต่กลับมีขั้วการเมืองหลายก๊วนก็หวังว่าจะได้มีโอกาสส่งคนเข้ามานั่งเป็นรัฐมนตรีเสียที นอกจากนี้ยังมีความหวั่นไหวที่มากไปกว่าการแย่งชิงเก้าอี้ระหว่างคนในพรรค นั่นคือ การที่พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกวิธี ดึงคนนอกเข้ามาเพื่อสยบความวุ่นวายจาก "นักการเมือง" ในพรรคหรือไม่ เพราะหากใช้แนวทางนี้ จะยิ่งทำให้กลุ่มการเมืองภายในพรรค ถึงขั้น "ไปไม่ถูก" การส่งสัญญาณของพล.อ.ประยุทธ์ที่ว่าด้วยการปรับครม. ทั้งการย้ำว่า เรื่องนี้ขอเป็นสิทธิ์ขาดของผู้นำรัฐบาล จนมาถึงการระบุวันเวลาว่าจะชัดเจนในราวปลายเดือนมี.ค.ไปจนถึงต้นเดือนเม.ย. จึงหมายความว่า ระยะเวลาจากนี้ไปอย่างน้อยสองสัปดาห์ ความวุ่นวาย ความขัดแย้ง จะยังคงคุกรุ่น ไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนที่คำตอบสุดท้ายจะมาจาก "บิ๊กตู่" !