ทีมข่าวคิดลึก การตัดสินใจ "หนี" ของ "ยิ่งลักษณ์ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะจำเลยในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวไม่มาปรากฏตัวต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ตอกย้ำว่า"ข่าวลือ" ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้นั้นคือ "ความจริง" เพียงแต่ที่ไม่คาดคิด และผิดแผนจนทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยเอง ยังพากันงงเป็นไก่ตาแตก ว่าเหตุใด "นายหญิง"ของพวกเขาจึงมาตัดสินใจ "หนี" เอาในช่วงเวลาที่หวุดหวิด จวนเจียนตัว เพียงไม่กี่วัน ! ความชุลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 25 ส.ค. นับตั้งแต่วินาทีที่ทุกคนรู้แน่ชัดแล้วว่า ยิ่งลักษณ์ไม่เพียงแต่ "ผิดนัดศาล" เท่านั้น หากแต่เธอได้ "หลบหนี" ออกนอกประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นไม่กี่อึดใจเมื่อทุกคน ทุกฝ่ายเริ่มตั้งหลักกันได้แล้ว และรู้ว่าอะไรเป็นอะไร นายหญิงของพวกเขา จะไม่มีทางมาปรากฏตัวอย่างแน่นอนจึงส่งผลให้พี่น้องประชาชนที่เดินทางมารอให้กำลังใจ ต่างเริ่มทยอยเดินทางกลับเช่นเดียวกับอดีต ส.ส.และอดีตรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย รวมถึง "แกนนำคนเสื้อแดง"หลายคนยอมรับว่า"ไม่รู้มาก่อน" ในความเป็นจริงแล้ว การตัดสินใจสู้หรือหนี สำหรับ ยิ่งลักษณ์ นั้นถือเป็น"เกม" ที่ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โดยมีการรับรู้กันเพียงไม่กี่คน ขณะเดียวกันคนที่รับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเช้าวันที่ 25 ส.ค. ก็ยังคงทำหน้าที่ "ระดมคน" มาให้กำลังใจยิ่งลักษณ์ ที่หน้าศาลตามฟอร์มการเล่นแผนเดิม ก่อนหน้านี้ ภายในพรรคเพื่อไทยเองได้มีการประเมินสถานการณ์กันเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าที่สุดแล้วนายหญิงของพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับ "สถานการณ์เลวร้าย" และแทบไม่มีทางไหน อันจะเป็น "คุณ" ได้ทั้งสิ้น แม้จะมีแกนนำพรรคเพื่อไทยบางรายต้องการให้ยิ่งลักษณ์ ยอมเดินไปจนสุดทาง ถึงขั้นให้ถูกควบคุมเมื่อศาลมีคำพิพากษาว่า กระทำผิดจริง ตามคำฟ้อง เพื่อหวังใช้ความพ่ายแพ้ของยิ่งลักษณ์ ให้กลายเป็น"ชนวน"ปลุกเร้าบรรยากาศทางการเมืองให้กลับมาปะทุกันรอบใหม่ โดยหวังผล แต่มีข้อคิดเห็นจากอีกฝ่ายหนึ่งในพรรคเพื่อไทยเองที่มองว่า การส่งยิ่งลักษณ์ ลงไปรบในสนามที่มองไม่เห็นหนทางชนะนั้น รังจะมีแต่ "เจ็บตัว" และที่สำคัญ ยิ่งลักษณ์ ย่อมไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เดินเข้าเรือนจำ ! ที่สุดแล้วการตัดสินใจขั้นสุดท้ายกลับไปอยู่ที่ "คนที่ต่างประเทศ" คือทักษิณ ที่เลือกทางเดินให้กับน้องสาว โดยขีดให้ "ซ้ำรอย" ตัวเอง ด้วยการ "หนีคดี" ก่อนหน้าเพียง 2 วัน โดยยิ่งลักษณ์ได้เดินทางออกนอกประเทศไปตั้งแต่คืนวันพุธที่ 23 ส.ค.ตามข่าวที่ชี้เบาะแสตรงกันว่าใช้เส้นทางข้ามชายแดนไทย ออกไปทางกัมพูชา ไปยังสิงคโปร์เพื่อพบกับทักษิณ ที่สิงคโปร์ซึ่งมารับน้องสาวก่อนหน้านี้ จากนั้นเดินทางพร้อมกันไปยังดูไบ เมื่อวันนี้ไม่มี ยิ่งลักษณ์ อยู่ในประเทศไทย จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่าเหตุใด คนทั้งคนจึงสามารถหลบหนีออกนอกประเทศได้ โดยที่ฝ่ายความมั่นคงที่อ้างว่า "สแกน" ทุกพื้นที่ชนิดถี่ยิบ กลับไม่มีคำตอบให้กับสังคม ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ถูกมองด้วยความกังขาว่า จงใจเปิดทางให้หนีหรือไม่ เพราะดูจะมีแต่หนทางนี้เท่านั้น ที่จะทำให้สถานการณ์ภายในประเทศ ยังอยู่ในความสงบมากที่สุด หากปล่อยให้ยิ่งลักษณ์ ต้องก้มหน้าเดินเข้าเรือนจำ จะทำให้มวลชนเกิดการลุกฮือได้ไม่ยากนักรวมทั้งความผิดหวัง ความเสียใจของกองเชียร์จะถูกส่งผ่าน กระจายออกไปยังกลุ่มที่อยู่รอบนอกไปจนถึง ในจังหวัดต่างๆ จนกลายเป็นความขัดแย้งรอบใหม่ อันเป็นผลมาจากคำพิพากษาที่แม้แต่ตัวยิ่งลักษณ์เองก็รู้ดีว่า ผลจะออกมาอย่างไร ดังนั้น อย่าได้แปลกใจหากจะพบท่าทีขึงขังของฝ่ายผู้มีอำนาจ ที่สั่งการให้จับตาพื้นที่เข้าออกตามชายแดนไทย กับประเทศเพื่อนในจุดต่างๆ ทั้งที่รู้ดีว่ายิ่งลักษณ์ หลบหนีออกจากประเทศไทยไป แล้วตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมาหรือการที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช.เอง จะบอกกับสื่อว่าไม่รู้ว่ายิ่งลักษณ์ จะตัดสินใจหนีวันพิพากษานั่นเป็นเพราะการตัดสินใจกำหนดทุกเกมการเล่นนั้น มีเพียงไม่กี่คนที่จะเป็นผู้ขีดเส้น แต่งานนี้มีแต่คนบอกว่า ทั้ง คสช.และยิ่งลักษณ์ ต่างวิน วิน ด้วยกันทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายหลังคืออดีตนายกฯหญิงคนแรกของไทย ย่อมไม่ได้ถูกพี่ชายสร้างขึ้นมาเพื่อให้ติดคุก !