กลายเป็นว่านาทีนี้ การชุมนุมของมวลชนที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาโดย “แกนนำม็อบราษฎร” ได้ปะทุ ดุเดือด จวนเจียนเกิดสงครามกลางเมือง เมื่อค่ำของวันที่ 13 ก.พ.64ที่ผ่านมา เมื่อเกิดการปะทะกันระหว่าง มวลชนที่ออกมาเคลื่อนไหวจัดกิจกรรม "นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน" ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและการ์ดของม็อบราษฎรต่างได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เหตุการณ์เดือดที่เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของวันเสาร์ที่ 13 ก.พ.64 เมื่อแกนนำกลุ่มราษฎรประกาศยุติการชุมนุม แต่กลับกลายเป็นว่า มีผู้ชุมนุม และการ์ดบางส่วนประกาศว่าจะไม่ยอมกลับ จะสู้จนกว่าจะชนะ นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่คลิปผ่านโลกโซเชียล เผยให้เห็นว่า “แกนนำม็อบราษฎร” คุมมวลชนและการ์ดบางส่วน “ไม่อยู่” จากนั้นความชุลมุวุ่นวายก็เปิดฉากขึ้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่ประกาศให้ผู้ชุมนุมรีบเดินทางกลับ แต่กลับมีเสียงคล้ายประทัดยักษ์ เกิดขึ้นตามหลายครั้ง จนมวลชนแตกฮือ จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้ากระชับพื้นที่ กันสื่อมวลชนออกจากที่เกิดเหตุ
แต่ดูเหมือนว่า กว่าที่สถานการณ์จะเข้าสู่ความสงบลง ได้ใช้เวลาจากนั้นเป็นชั่วโมงจนนำไปสู่การจับกุมผู้ชุมนุม และนำไปควบคุมตัวไปที่สน.นางเลิ้ง เพื่อสอบปากคำ
แน่นอนว่า เมื่อเหตุเกิดขึ้นจากการชุมนุมเคลื่อนไหวของม็อบราษฎรที่ปลุกมวลชนให้ออกมาแสดงพลัง ตอบโต้และกดดันเจ้าหน้าที่ให้ปล่อย “4 แกนนำ” ที่เคยถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ นักการเมืองจากพรรคฝ่ายค้านออกมารับลูก โจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างหนัก โดยเฉพาะภาพเหตุการณ์ที่ถูกแชร์ออกไปเมื่อมีเจ้าหน้าที่เข้ารุมจับกุมและใช้ความรุนแรง กับชายที่สวมเสื้อมีสัญลักษณ์ของแพทย์อาสา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนถนนราชดำเนิน หน้าศาลฎีกา เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้กลายเป็น “ชนวน” ที่กำลังจะถูกนำไปเชื่อมต่อ เป็น “ชนวน” ที่ปลุกเร้าให้บรรยากาศนอกสภาฯเข้าสู่โหมดระอุ ไปบรรจบกับ “ศึกซักฟอก” ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 ก.พ.นี้ที่รัฐสภา เมื่อ “6 พรคฝ่ายค้าน” ประกาศ “จัดหนัก” รัฐบาล ด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “10 รัฐมนตรี” ไล่เรียงตั้งแต่ หัวแถวอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
รวมทั้งยังมีรายงานข่าวชี้เบาะแสว่า ในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่ ม็อบราษฎร จะพากัน “ยกพล” ไปล้อมหน้ารัฐสภา เพื่อกดดันพล.อ.ประยุทธ์ ไปพร้อมๆกับการทำภารกิจของพรรคฝ่ายค้านในสภาฯ ซึ่งคาดหมายกันว่า สภาฯจะเดือดระอุ ทะลุปรอท กันตั้งแต่ชั่วโมงแรก
โดยเฉพาะเมื่อญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเริ่มเปิดฉากกันที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไปพร้อมๆกับการเชื่อมโยงไปถึง “สถาบันพระมหากษัตริย์”
ความร้อนแรง ที่ปักธงกันเอาไว้แล้ว ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ถือเป็นการพิสูจน์การต่อสู้ของการเมือง สองปีกที่ชัดเจนมากขึ้นว่าที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะรับมือกับ การเมืองที่ดึงเอาสถาบันลงมาเกี่ยวข้องผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ ไปพร้อมๆกับการเคลื่อนไหวของม็อบราษฎร นอกสภาฯ ที่มองเห็น “โอกาสทอง” ในห้วงสถานการณ์เดียวกันได้หรือไม่ !?