แสงไทย เค้าภูไทย
การตัดสินคดีจำนำข้าววันที่ 25 สิงหาคมนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร คงจะไม่ทำให้ระบอบทักษิณ เลือนหายไปจากเมืองไทย และไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชื่นชม หรือฝ่ายต่อต้านทักษิณ คนไทยก็คงจะไม่ลืม ทักษิณไปอีกนาน แม้จะมีความพยายามลบล้างกันมาตลอด 10 ปี
อาจารย์ วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการด้านนิติศาสตร์อดีตนักกฎหมายดูแลคดีที่ต้องไปขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ กรุงปารีส ที่มองกันว่ามีความคิดเอียงข้างเสื้อแดงโพสต์เฟซบุ้ค 4 วันก่อนถึงวันตัดสินคดีรับจำนำข้าวว่า
“ 10 ปีที่ผ่านมา “ทักษิณ” ยังไม่หายไป แล้วอีก 10 ปีผ่านไปคิดว่า “ยิ่งลักษณ์” จะหายไปหรือ ?
ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกันกับข้อวิพากษ์วิจารณ์เป็นกระแสในสื่อออนไลน์ ทั้งแง่บวกและแง่ลบ
บางข้อความหมิ่นเหม่เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล
อย่างบทวิจารณ์หนึ่งดักคอศาลว่าจะออกมาในรูปว่ายิ่งลักษณ์ไม่ผิด โดยเจตจำนงให้ศาลไม่กล้าตัดสินไปในทิศทางนั้น
บางรายก็ว่าจะออกทางไหนก็ได้ เพราะกฎหมายลูกประกอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีมาตราหนึ่งที่เปิดโอกาสให้จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลได้แม้จะเป็นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ตาม
แต่ไม่ว่าจะออกมาในรูปใด คดีนี้ยังต้องเดินกันต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ซึ่งก็จะประจวบกับการมีการบังคับใช้กฎหมายฉบับใหม่เกี่ยวกับการปราบปรามคอรัปชั่น กับการจัดตั้งศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว
กฎหมายฉบับนี้ จุดประสงค์เพื่อจะทำให้กลไกการปราบทุจริตคอร์รัปชั่นในวงราชการมีประสิทธิภาพดีขึ้น
โดยเฉพาะหลักการใหม่คือผู้กระทำความผิดที่หลบหนีไม่มีผลที่จะทำให้คดีหรือการลงโทษขาดอายุความ และไม่สามารถใช้สิทธิอุทธรณ์ หรือฎีกาได้
เป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่ผู้กระทำผิดที่หลบหนีคดีไปจนหมดอายุความ ซึ่งคนไทยทุกคนเข้าใจตรงกันว่าหมายถึงทักษิณ ซึ่งหลบหนีคดีซื้อที่ดินรัชดา
กฎหมายนี้ เรียกกันว่ากฎหมาย “สี่ชั่วโคตร” ปราบโกงและระบบอุปถัมภ์
เนื้อหาคือ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับส่วนรวม หลักการสำคัญคือถ้าเจ้าหน้าที่รัฐและ ญาติกระทำการที่เรียกว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน” เช่นเสนอกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อกิจการของตน คู่สมรสหรือบิดามารดา รับหรือแทรกแซงการรับสัมปทานจากหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ
กฎหมายนี้ครอบคลุมถึง นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. ข้าราชการการเมืองอื่นๆและเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งกำหนดญาติผู้เกี่ยวข้องด้วย
ดร.วิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรี “เนติบริกร” เรียกว่า “กฎหมาย 4 ชั่วโคตร”
คือโคตรที่ 1 ตัวผู้กระทำผิด โคตรที่ 2 คือลูกของผู้กระทำผิด โคตรที่ 3 คือพ่อ-แม่ของผู้กระทำผิดและโคตรที่ 4 คือพี่-น้องของผู้กระทำผิด
แม้เนื้อหาจะมิได้ครอบคลุมแต่เพียงข้าราชการการเมืองฝ่ายเดียว หากแต่ครอบคลุมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการด้วย
ทว่า คนไทยส่วนใหญ่ก็มองไปว่า เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อจัดการกับทักษิณโดยเฉพาะ
เพราะส่วนสุดท้ายที่กำหนดว่า ไม่มีกำหนดหมดอายุความสำหรับผู้ต้องหาที่หนีคดี ซึ่งมีผลย้อนหลังด้วย
ตีความกันว่า อายุความที่ทักษิณหนีคดีจนใกล้หมดอายุนั้น ต่อไปนี้ไม่มีหมดอายุ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่ต้องใช้กฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญามาพิจารณา นั้น มีกำหนดอายุความ 20 ปี คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯมี พิพากษาให้จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี นับแต่มีคำพิพากษา จึงนับอายุความ 10 ปี นับแต่วันที่จำเลยหลบหนีและศาลออกหมายจับ (มาตรา 98)
ถ้าเป็นไปตามกฎหมายเดิม อีก 4 ปีทักษิณก็จะหลุดคดีที่ดินรัชดาฯแต่ถ้ากลับมา จะต้องเจออีก 3 คดีคั่งค้างรออยู่ คือ
1.คดีทุจริตออกพระราชกำหนดแปลงค่าภาษีสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจบริษัทชินคอร์ป ฐานความผิด 10 ปี อายุความ 15 ปี
2.คดีจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 และระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าในสนามบินสุวรรณภูมิ ฐานความผิด 10-15 ปี อายุความ 15 ปี
3.คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ บริษัท กฤษดามหานคร ฐานความผิด 10 ปี อายุความ 15 ปี (นายวิโรจน์ นวลแข กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย ต้องโทษอยู่ในเรือนจำขณะนี้)
ทั้งหมดนี้ หากใช้กฎหมายเดิม คดีทักษิณ จะหมดอายุความในปี 2570 คืออีก 10 ปีข้างหน้า แต่เมื่อมีกฎหมาย 4 ชั่วโคตรออกมา คดีไม่หมดอายุความไปจนสิ้นอายุขัยคือตายไปถึงจะหมด นั่นหมายความว่าทักษิณ จะต้องอยู่ต่างประเทศที่เป็นประเทศที่ไม่มีกฎหมายที่กำหนดฐานความผิดเดียวกันไปจนตลอดชีวิต
เว้นเสียแต่จะมีกฎหมายนิรโทษกรรมออกมา
ทักษิณจึงต้องไปพำนักในประเทศที่มีกฎหมายกำหนดฐานความผิดต่างจากไทย อย่างเช่นดูไบหรืออังกฤษและอีกเกือบจะทั่วโลกที่กฎหมายไม่กำหนดว่าการเซ็นชื่ออนุญาตให้ภรรยาไปซื้อทรัพย์สินทางราชการเป็นความผิด
กรณีนี้เป็นเพียงคดีเดียวคือการซื้อที่ดินรัชดาฯของอดีตภรรยาคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์
ส่วนคดีอื่นๆอีก 3 คดีก็คงต้องเปรียบเทียบกันไปในแต่ละฐานความผิด
แต่สรุปแล้ว คงจะใช้กฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับทักษิณยาก
ส่วนทักษิณจะกลับมาไทยได้ ก็คงจะยากเช่นกัน ตราบใดที่คนไทยยัง “แตกเป็นสองปกครองยาก” เช่นนี้
ซึ่งคงจะไม่มีเป็นปัญหาอันใด ในโลกที่ไร้พรมแดนด้านสื่อสารโทรคมนาคมเช่นนี้
อยากจะพบปะเจอะเจอลูกหลานหว่านเครือและคนใกล้ชิด ก็เจอกันได้แค่นิ้วจิ้มจอ
อยากได้อะไรจากเมืองไทยก็มีคนนำไปส่งให้
อย่างแค่บ่นว่าอยากกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัววัดดงมูลเหล็ก ก็ยังมีคนหิ้วขึ้นเครื่องบินไปให้ในชั่วเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ทักษิณไม่ต้องกลับไทยก็ได้ เพราะเมืองไทยไปหาทักษิณเป็นประจำอยู่แล้ว