ก่อนที่ศึกซักฟอกจะเปิดฉากขึ้นกลางสภาผู้แทนราษฎร ในสัปดาห์หน้า ตั้งแต่วันที่ 16 ถึง 19 ก.พ.แล้วไปลงมติ ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลกันในวันเสาร์ที่ 20 ก.พ.หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้ง “6พรรคฝ่ายค้าน” ในฐานะ มือชำแหละ “รัฐมนตรี” ในครม.เองต้องเตรียมอย่างมาก เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะต้อง “ทิ้งบาดแผล”เอาไว้ให้รัฐบาล จนทำให้ “ม็อบราษฎร” นำไปใช้ขยายผลกันต่อไป บนท้องถนน ในช็อตต่อไป ขยับ กลับมามองกันที่ปีกรัฐบาลกันบ้าง จะเห็นได้ชัดว่า ในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้มีรัฐมนตรีทั้งสิ้น 10 ราย ที่ถูกจับขึ้นเขียงจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ซึ่งดูเหมือนว่าเป็น “ผู้เล่นหลัก” อยู่ 3พรรค แต่กลับเป็น 3 พรรคร่วมรัฐบาลที่เกิดปัญหาและรอยร้าวกันเป็นระยะๆ และล่าสุดปัญหาจากการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต3 นครศรีธรรมราช ที่ว่างลง ได้กลายเป็นความบาดหมาง ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคพลังประชารัฐ เมื่อต่างฝ่าย ต่างไม่มีใครยอมถอย ส่งตัวแทนของพรรค ลงไปวัดดวงกันในสนามเลือกตั้ง ความขัดแย้งจากการชิงเก้าอี้ ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ได้สร้างความไม่พอใจ ตั้งแต่ระดับส.ส.ในพื้นที่ กระทบไปถึงระดับ “บิ๊ก” จนมีการส่งสัญญาณท้าทายกันถึงขั้นที่ว่าจะ กระทบไปถึงการตัดสินใจลงคะแนนโหวตให้กับรัฐมนตรีในศึกซักฟอก ก่อนที่ความขัดแย้งจะบานปลาย ลุกลามไปถึงขั้นที่มองหน้ากันไม่ติด เมื่อผลการโหวตลงคะแนนไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 10 คนมาถึงในวันที่ 20 ก.พ.นี้ จึงจำเป็นที่ “ผู้จัดการรัฐบาล”อย่าง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะต้องส่งสัญญาณให้ ทุกฝ่าย พรรคร่วมรัฐบาล ทุกพรรค ไม่ว่าจะมีชื่อรัฐมนตรีในโควต้าของพรรคตัวเองถูกอภิปรายก็ตาม เพราะอย่าลืมว่าคะแนนโหวตไว้วางใจจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด คือสิ่งสำคัญต่อรัฐบาลด้วยกันทั้งสิ้น ! ล่าสุดพรรคพลังประชารัฐ จะรับเป็น “เจ้าภาพ” ในการจัดติวเข้มให้กับรัฐมนตรี โดยเป็นการสัมมนาเพื่อเตรียมข้อมูลให้ผู้ถูกอภิปราย ในวันที่ 13-14ก.พ.นี้ ที่โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park สุขุมวิท แน่นอนว่า “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปรชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ(วิปรัฐบาล) ได้ออกมาทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณจาก ผู้จัดการรัฐบาล ในการจัดสัมมนาเตรียมความพร้อมรับศึกอภิปราย ไปพร้อมๆกับการ “กระชับไมตรี” ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ไปจนถึงการทำให้ความวุ่นวายภายในพรรคพลังประชารัฐ ต้องเบรคลงไปในคราวเดียวกัน “ ยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ เรายังรวมกันเหนียวแน่น เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ไปไหน ส่วนกระแสข่าวปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่มีการซักฟอกกันเองระหว่างรัฐมนตนรีของพรรค กับส.ส.ของพรรคนั้น ก็แค่คุยกัน อะไรที่ไม่สบายใจก็คุยกัน แต่อาจคุยกันนานไปหน่อย จึงเป็นข่าวออกมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้กำชับให้พรรคมีความรักสามัคคี ร่วมแรงใจ สนับสนุนรัฐบาลในการอภิปรายเพื่อต่อสู้กับฝ่ายค้าน เ รามีก๊กเดียว ก๊กประวิตร ยืนยันว่าไม่มีแทงข้างหลัง หากจะมีปัญหามีแต่แทงข้างหน้าอย่างเดียว สังเกตได้ว่าก่อนจะมีการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็มักจะมีข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐแตกก๊ก แตกเหล่า ก็ขอยืนยันว่าเราไม่มีแบ่งก๊ก” และนี่อาจเป็นประกาศิตจาก บิ๊กป้อม ที่จะต้องทำให้คลื่นลมทางการเมืองสงบลงโดยเร็ว เพื่อไม่ให้รัฐบาลต้องเผชิญทั้งศึกใน และศึกนอกในเวลาเดียวกัน