เมื่อ "ม็อบราษฎร" กำลังเปิดการแสดงรอบใหม่ ด้วยการปลุกระดมมวลชนให้ออกมาร่วมชุมนุม ที่สกายวอล์ค ย่านปทุมวัน กทม. เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัว "4แกนนำ" ที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้ง พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ และสมยศ พฤกษาเกษมสุข ล้วนแล้วแต่อยู่ในเรือนจำ ตั้งแต่เย็นของวันที่ 9 ก.พ. เมื่อศาลไม่ให้ประกันตัว ในความผิดฐานข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.112, ยุยงปลุกปั่นฯ ตาม ป.อาญา ม.116 และชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แน่นอนว่าการถูกควบคุมตัวของแกนนำทั้ง4 คนจากความผิด 3ข้อหาต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องหนักหนา และกลายเป็น ความหวาดวิตกสำหรับ แกนนำรายอื่นๆที่มีพฤติการณ์ การกระทำความผิดเข้าข่ายในลักษณะเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นการกระทำความผิดซ้ำซาก ต่างกรรม ต่างวาระ อย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา ต่างหวั่นไหวว่าบทสรุปของตนเอง ก็คงไม่แตกต่างกัน หากจะบอกว่า กรณีที่ 4 แกนนำม็อบราษฎร ถูกควบคุมตัว อยู่ในเรือนจำเวลานี้ อาจจะแปรเปลี่ยนเป็น "เงื่อนไข" ที่ทำให้การเคลื่อนไหวของแกนนำที่ยังเหลืออยู่ แต่ขณะเดียวกันก็มีคดีความติดตัวในข้อหาที่หนักหนาไม่ต่างกัน อย่างไรก็ดีการเคลื่อนไหวของม็อบราษฎร ครั้งล่าสุดที่สกายวอล์ค เพื่อกดดันให้ปล่อยตัว4แกนนำ กำลังถูกคาดหวังจากมวลชนแนวร่วมจำนวนไม่น้อยว่า ต้องการให้ม็อบอยู่ยืดเยื้อหรือ รบรวดเดียวให้ชนะ อีกทั้งการเคลื่อนไหวเพื่อตอบโต้รัฐบาลครั้งนี้ ยังคาดว่าจะไปพ้องกับเหตุการณ์การชุมนุมต่อต้านรัฐประหารที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศเมียนมา ในเวลานี้ ล่าสุด "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ออกมาเปิดเผยว่า พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ส่งจดหมายส่วนตัวถึงตนเองเพื่ออธิบายถึงเหตุผลในการยึดอำนาจ ตลอดจนสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งทางไทย ยืนยันว่าขอสนับสนุนประชาธิปไตยในเมียนมา ส่วนเรื่องการบริหารจัดการก็เป็นเรื่องเมียนมา "เป็นไปตามหลักการของอาเซียน และสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ TAC ที่มีกติกามากมาย อย่างน้อยเราก็สนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยในเมียนมา แต่สิ่งที่จำเป็นวันนี้คือเราต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันให้มากที่สุด เพราะมีผลต่อประชาชนโดยรวม ต่อเศรษฐกิจ การค้าขายชายแดนที่สำคัญยิ่งในขณะนี้" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุกับสื่อ พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้ความเห็นต่อการเคลื่อนไหวของม็อบราษฎร ในไทยว่า "ก็ควรหรือไม่ ถ้าไม่ควรก็อย่าไปสนับสนุนเขาสิ ยังไม่เข็ดหลาบกันอีกหรือไง ประเทศไทย สังคมก็ต้องช่วยกันบ้างนะ" การแสดงออกถึงท่าทีและจุดยืนของรัฐบาลไทยต่อการเมืองในประเทศเมียนมา คือการย้ำถึงหลักการตามกรอบอาเซียน หมายความว่า ไทยจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับกิจการภายในของเมียนมา ไม่ใช่เพราะว่าเป็นรัฐบาลที่ถูกฝั่งตรงข้ามโจมตีด้วยข้อครหา รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนแต่อย่างใด หากแต่อยู่ที่การยึดกรอบข้อตกลงของอาเซียน และในขณะเดียวกันจากท่าทีดังกล่าวจากรัฐบาลไทย ยังต้องการสื่อสาร และยืนยันไปยังม็อบราษฎรว่าการยอมทำตามข้อเรียกร้อง ไม่ว่าจะกี่ข้อนั้นก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ และยังต้องการแสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของม็อบราษฎรที่กำลังฉวยจังหวะความวุ่นวายในเมียนมา มาเป็นปัจจัยเพื่อเพิ่มน้ำหนักนั้นอาจไม่มีผลใดๆ !