ดร.วิชัย พยัคฆโส [email protected] หลังจากโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯคนที่ 46 ไปแล้ว ได้มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยทุ่มงบประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ฟื้นวิกฤติจากภัยของโควิด-19 ที่ทั้งคร่าชีวิตผู้คนสหรัฐฯ มากที่สุดในโลก หวังให้คนอเมริกันได้ฟื้นกลับมาใหม่ ทั้งหมด 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ทุ่มให้คนอเมริกันเฉพาะภัยจากโควิด-19 ทั้งหมด เช่น กระจายวัคซีนทั่วประเทศ 2 หมื่นล้านเหรียญแจกเงินกระตุ้นบริโภค 2,000 เหรียญ ช่วยค่าเช่าบ้าน แจกคูปองอาหาร และต่อเวลาชำระหนี้บ้าน ขยายเวลาสิทธิประโยชน์ว่างงาน และค่าจ้างขั้นต่ำ ลาป่วยได้ค่าจ้าง การรดูแลเด็ก ขยายเครดิตภาษีให้ครอบครัวรายได้น้อย-ปานกลาง จัดงบประมาณให้โรงเรียนเปิดเรียนได้และช่วยธุรกิจขนาดเล็กโดยเงินกู้ระยะต่ำ เป็นต้น ทั้งหมดนี้อยู่ในแผนการช่วยเหลือของสหรัฐฯจำนวน 1.9 ล้านล้านหรียญ ซึ่งเป็นเงินมหาศาลที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศได้ระดับหนึ่ง ไม่ยอมปล่อยให้เป็นยถากรรมของประชาชนโดยตรง เหมือนประธานาธิบดีคนก่อน หากกลับมาดูว่าไทยจะได้อะไรจากสหรัฐฯเพิ่มบ้าง คงมีแน่นอน โดยเฉพาะการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯในปี 2563 อย่างน้อยมีสินค้า 5 ประเภทที่ส่งไปสหรัฐฯเพิ่มขึ้นจากปี 62 ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบเพิ่มขึ้น 19.84% ผลิตภัณฑ์ยาง 10.49% ยานพาหนะและส่วนประกอบ 19.40% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 22.37% และอุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์และไดโอด 104.50% รวมทุกอย่างนอกเหนือจากนี้เพิ่มขึ้น 9.55% หรือ 33.343 ล้านเหรียญ นับว่ายังอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบอยู่ ส่วนการลงทุนในประเทศไทย สหรัฐฯลงทุน 29 โครงการ 9,412 ล้านบาท ได้แก่ บริการสาธารณูปโภค 5,828 ล้านบาท อุตสาหกรรมยา 436 ล้านบาท เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 991 ล้านบาท เกษตรกรรมและผลิตผลการเกษตร 975 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรอุปกรณ์ขนส่ง 1,180 ล้านบาท นอกจากนี้เอกอัครราชฑูตสหรัฐฯ ได้เจรจากับฝ่ายไทยถึงความร่วมมือในการลงทุนเพิ่มจากนี้อีก คาดว่าคงมากกว่าที่ BOI อนุมัติโครงการแล้วอีกมาก ซึ่งนโยบายการค้าระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้นตามนโยบายความร่วมมือพันธมิตรร่วมกัน เชื่อว่าประเทศไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์จากการค้าและการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกมาก อย่างไรก็ดี ประเทศไทยคงต้องปรับยุทธศาสตร์ดัชนีความโปร่งใสของประเทศให้ดีขึ้น ซึ่งขณะนี้ไทยอยู่ในอันดับ 5 ของอาเซียน ด้วยคะแนน 36 คะแนนกับเวียดนาม โดยมีคะแนนเท่าเดิม แต่อันดับโลกหลุดร่วงมาเป็นอันดับ 104 จาก 180 ประเทศ และอาจจะแพ้เวียดนามซึ่งอยู่อันดับเดียวกัน หรือแม้แต่ฟิลิปปินส์ ลาว เมียนมา และกัมพูชา ที่อยู่รั้งท้าย ส่วนอันดับต้นๆ คือ สิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย และอินโดเนเซีย ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนของสหรัฐฯที่เน้นความโปร่งใสสูงลิ่ว มิฉะนั้นเขาจะไปลงทุนในอาเซียนชาติอื่นแทน การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านระหว่าง 16-19 ก.พ.นี้ มีวาระเกี่ยวกับผลประโยชน์เรื่องนี้ไว้ด้วย เช่น ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่คืบหน้า และภารกิจของรัฐบาลทั้งการเรียกเงินคืนจากผู้ชราที่รับเบี้ย 2 ทางคืน ส่วนสลากกินแบ่งที่ยิ่งพิมพ์เพิ่มยิ่งขึ้นราคา และไม่สามารถแก้ไขได้ บ่อนการพนันและแรงงานผิดกฎหมายอีกมาก รวมถึงรถไฟฟ้าสีเขียว รัฐบาลต้องเตรียมตอบโจทย์เหล่านั้นให้ดี คงต้องยอมรับว่าบางส่วนมีมูลจริงคงต้องรีบแก้ไขให้ได้ ประเด็นหลักคือการบริหารราชการล้มเหลวทั้งเศรษฐกิจ โควิด-19 และความโปร่งใสของรัฐ คือประเด็นหลักของการอภิปราย ประชาชนจะรอฟังว่ารัฐบาลจะตอบโจทย์เหล่านั้นได้อย่างไร