"ผมไม่มีความรู้สึก ก็บอกแล้วว่าคำนี้ไม่มีอยู่ในหัวผม และไม่มีมานานแล้ว จะเห็นว่ามันหายไปนานแล้ว สื่อไปขุดคำนี้มาเอง พอตรงโน้นทำ พวกเราก็ไปขุดคำนี้ขึ้นมา ผมไม่มีอยู่แล้ว"
"บิ๊กบี้"พล.อ.ณรงพันธ์ จิตแก้วแท้ ผบ.ทบ. ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อวันที่ 4 ก.พ.64 ที่ผ่านมา เมื่อถูกซักถามถึงเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศเมียนมา โดยกองทัพเมียนมาทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน จนกลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก
แน่นอนว่า เหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศเมียนมา ที่มีการเปลี่ยนแปลง จากรัฐบาลพลเรือน ที่มี "ออง ซาน ซูจี" แห่งพรรคเอ็นแอลดี เป็นผู้นำ ถูก "นายพลอาวุโส มิน อ่องหล่าย" ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพเมียนมา ทำการยึดอำนาจ ควบคุมตัวอย่างเบ็ดเสร็จทั้งตัวออง ซาน ซูจี รวมทั้งแกนนำในรัฐบาล ได้ถูกนำมาเปรียบเทียบกับ เหตุการณ์รัฐประหาร ในปี 2557 ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยขณะนั้น "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. อยู่ในจุดเดียวกันกับที่บิ๊กบี้ กำลังยืนอยู่ในวันนี้
สำหรับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย วันนี้ยังห่างไกลกับโอกาสที่จะมีรัฐประหาร แม้จะมีกระแสข่าว ผุดขึ้นมาเป็นระยะๆ นับตั้งแต่เมื่อคราวที่ "บิ๊กแดง"พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ตอนที่ยังนั่งเป็น ผบ.ทบ.ก็ต้องตอบคำถามเหล่านี้ ซ้ำไปซ้ำมา ไม่ต่างกัน จนกระทั่ง ถึงวันที่บิ๊กแดง หมดวาระผบ.ทบ.ลง ก็พบว่าไม่มีอะไรในกอไผ่
อย่างไรก็ดี เหตุรัฐประหารที่เกิดขึ้นโดยกองทัพเมียนมา ซึ่งล่าสุดได้มีการแจ้งความเอาผิดทั้งตัวออง ซาน ซูจี เองจนนำไปสู่การควบคุมตัวเธออีกครั้งตามมา ได้กลายเป็นจุดโฟกัสการเมืองในภูมิภาคอาเซียนที่หลายฝ่ายต้องจับตา เฝ้ามอง เพราะอย่าลืมว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในเมียนมายังกลายเป็น ประเด็นการเมืองระหว่างประเทศที่ชาติมหาอำนาจทั้งจีนและสหรัฐฯ จะเข้ามามีบทบาทตามมา
ขณะเดียวกันเมื่อมองกลับมาที่ประเทศไทย ภายหลังจากการรัฐประหารโดยคสช.เมื่อปี 2557 จนปรับโหมดมาสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เข้าสู่ ยุค "ประยุทธ์2/2" ในวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า "กองทัพ" คือกองกำลังที่มีความแข็งแกร่ง มีบทบาทและทำหน้าที่ค้ำยันอำนาจรัฐบาล ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ อย่างชัดเจน ไม่ว่าตัวพล.อ.ประยุทธ์ เองจะนั่งอยู่ในเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ก็ตาม
แต่ดูเหมือนว่าเมื่อล่วงเข้าสู่ปีที่ 7 ของการนั่งอยู่ในอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ แรงต่อต้านจาก "ฝั่งตรงข้าม" ยิ่งทวีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มการเมืองเก่า กลุ่มการเมืองหน้าใหม่ที่ เชื่อมโยงและพัฒนามาจาก "การเมืองภาคประชาชน" ภายใต้การชุมนุมเคลื่อนไหว ของม็อบราษฎร ที่ยืดเยื้อตั้งแต่กลางปี2563 มาถึงวันนี้ จนทำให้ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหา ในมาตรา 112 เมื่อมีการจาบจ้วง ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ หลายต่อหลายฝ่าย อดที่จะพุ่งเป้าไปยังกองทัพบก ภายใต้การนำของ "บิ๊กบี้" ไม่ได้ว่าจะขยับ หรือออกแอคชั่นอย่างใด อย่างหนึ่งหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อผู้นำเหล่าทัพถือภารกิจหลักคือการปกป้อง เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
แต่ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนว่าทุกแรงกดดัน ทั้งบวกและลบ ก็ไม่ได้ทำให้ ผบ.ทบ.คนปัจจุบันอย่างบิ๊กบี้ "ออกอาการ" อย่างใด อย่างหนึ่ง เพื่อปิดช่องทาง ไม่ให้มีการนำไปตีความ ไม่ว่าจะทางใด ทางหนึ่ง
โอกาสและความเป็นไปได้ที่จะเกิดรัฐประหาร โดยกองทัพภายใต้บริบทการเมืองของไทยกับเมียนมาย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ยิ่งเมื่อกองทัพได้ยืนเคียงข้าง รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ยืนประจันหน้ากัน เหมือนเช่นที่ ออง ซาน ซู จี กับ นายพลอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ดำรงอยู่ด้วยความกระอักกระอ่วน ก่อนที่จะมาถึง "ฟางเส้นสุดท้าย" เกิดรัฐประหาร ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นเวลา 1ปีเต็ม !