“2พี่น้อง” ทั้ง 2 ป. ทั้ง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่างอยู่ในสภาวะที่ไม่แตกต่างกัน นั่นคือการต้องดำเนินในหลายบทบาท ในคราวเดียวกัน เพื่อประคับประคอง ทั้งรัฐบาล และทั้งตัวเองให้ผ่านพ้น ศึกเหนือ เสือ ใต้ ที่กำลังโถมเข้าใส่ เมื่อเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศเมียนมา โดย พล.อ. มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน พร้อมทั้งควบคุมตัว ผู้นำระดับสูง จากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) จากนั้นประกาศภาวะฉุกเฉิน นานเป็นเวลา 1ปี จึงจะให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ทำเอานานาประเทศต่างตกใจและงงไปตามๆกัน โดยเป็นการยึดอำนาจและควบคุมตัวผู้นำระดับสูงจากพรรคการเมือง เอ็นแอลดี ของกองทัพเมียนมาภายในระเวลาอันรวดเร็ว และเบ็ดเสร็จ ได้กลายเป็น “เหตุ” ที่ทำให้ กลุ่มการเมืองที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ พากันออกมาเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนร่วมเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาหันมาใช้วิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อแก้ไขปัญหา รวมทั้งขอให้ปล่อยตัว ออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคเอ็นแอลดีและนักการเมืองคนอื่น ๆ หยิบมาใช้ตั้งคำถามกับ ผู้นำรัฐบาลไทย พร้อมทั้งจี้ให้รัฐบาลไทยออกมาแสดงจุดยืน อย่างไรก็ดี เรื่องราวการเมืองระหว่างประเทศ ที่มีกองทัพใช้รูปแบบการยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน ถูกหยิบมาโจมตีรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ แล้วล่าสุดยังน่าสนใจว่า สถานการณ์การเมืองภายในประเทศเองที่ “ฝ่ายค้าน” กำลังจะระเบิดศึกซักฟอกในสภาฯ ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รอบนี้ยังมีความล่อแหลม เมื่อหลายฝ่ายกังวลว่าการอภิปรายในสภาฯ จะหลีกเลี่ยงที่จะพาดพิง “สถาบันพระมหากษัตริย์” ได้หรือไม่ และอย่างไร และเมื่อประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันฯยังส่อเค้าที่จะกลายเป็น “ชนวน” ที่ทำให้ “ม็อบราษฎร” นำไปขยายผลกันต่อที่นอกสภาฯ จนทำให้การโจมตีสถาบัน เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ยิ่งจะทำให้ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศรับไม่ได้ กับสิ่งที่ ฝ่ายล้มล้างสถาบัน ฯ ต้องการดูหมิ่น จาบจ้วง มากยิ่งขึ้น โอกาสที่รัฐบาลจะต้องเล่นบท กรรมการห้ามมวย ระหว่างมวลชนนอกสภาฯ สองฝ่ายที่มีแนวคิดขัดแย้งกันสิ้นเชิง มิหนำซ้ำ ยังเกิดปัญหา “ศึกใน” อาการร้าวลึกระหว่าง พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง คือพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ต่างฝ่าย ต่างไม่มีใครยอมถอย ประกาศส่งผู้สมัครลงสนามเลือกตั้งซ่อมส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 ด้วยกันทั้งสองพรรค เมื่อแกนนำทั้งสองพรรค ต่างฝ่ายต่างออกมา “ข่มขู่” กันเองออกสื่อ ชนิดไม่ไว้ไมตรี ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน เมื่อมีการนำประเด็นเรื่องของการโหวต ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 10 ราย ภายใต้ความร่วมมือร่วมใจของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ไปผูกโยงกับ ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดจากการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 ยิ่งทำให้ “ผู้จัดการรัฐบาล” อย่าง พล.อ.ประวิตร ปวดหัวไม่น้อย เพราะทั้งนี้ ทั้งนั้น ทุกคะแนนเสียงที่ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันโหวต ให้ทั้งรัฐมนตรีและตัวพล.อ.ประยุทธ์ได้ผ่านฉลุยในที่ประชุมสภาฯ ในวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นั้นยังหมายรวมไปถึงความมั่นคงของเก้าอี้นายกฯ บิ๊กตู่ เป็นเดิมพัน !