เดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนแห่งความรัก ด้วยมีเทศกาลสากลคือ วันวาเลนไทน์ในเดือนนี้ ท่ามกลางบรรยากาศการผ่อนคลายมาตรการโควิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มเปิดเรียนทุกจังหวัดยกเว้น จ.สมุทรสาคร และการเตรียมผ่อนปรนให้ร้านอาหารสามรถเปิดให้นั่งรับประทานได้ถึง 5 ทุ่ม
แม้จะเฉลิมฉลองไม่ได้อย่างเต็มที่นัก ด้วยสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ และยังคงต้องเป็นไปตามมาตรการป้องกันโควิดด้วยยังคงต้องรักษาระยะห่างระหว่างกัน เพื่อป้องกันคนที่เรารักจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ด้วยความเห็นทางการแพทย์ พบว่ามีโอกาสในการติดเชื้อไวรัสโควิด -19 รอบใหม่ จะติดเชื้อจากคนรู้จักมากกว่าคนที่ไม่รู้จัก ฉะนั้นจึงมีคำขวัญที่ว่า "รักใคร ให้อยู่ห่าง"
ฉะนั้น การใช้บริการส่งของขวัญ ของที่ระลึก ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ ช็อกโกแลต หรือส่งข้อความ รูปภาพทางออนไลน์ จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในการแสดงออกซึ่งความรักต่อกันในห้วงเวลานี้
แม้วาเลนไทน์ปีนี้ ยังคงต้องระมัดระวังและป้องกันปัญหาการท้องไม่พร้อม และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยจากสถิติปี 2562 การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นไทยยังอยู่ในอัตราที่สูง มีช่วงอายุระหว่าง 15 – 19 ปี หรือเฉลี่ย 190 คนต่อวัน และพบว่าเยาวชนไทยช่วงอายุ 15 – 24 ปี ป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรค ได้แก่ หนองในเทียม ซิฟิลิส แผลริมอ่อน และกามโรค สูงถึง 124.6 ต่อประชากรแสนคน
ดังนั้น จึงต้องเร่งสร้างภูิมคุ้มกัน หรือวัคซีนในวันวาเลนไทน์ ทั้งจากเชื้อไวรัสโควิดและปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การท้องไม่พร้อมที่จะนำไปสู่ปัญหาทางสังคมอีกมากมาย
อย่างไรก็ตามเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากจะเป็นเดือนแห่งความรักแล้ว ยังเป็นเดือนแห่งความหวัง ด้วยกระทรวงสาธารณสุข คาดว่าวัคซีนลอตแรก จากบริษัทแอสตราเซเนกา จำนวน 5 หมื่นโดสจะมาถึงไทยประมาณสัปดาห์แรกของเดือน กุมภาพันธ์ และเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากนั้นสัปดาห์ที่ 2 จะกระจายวัคซีนไปในพื้นที่ที่กำหนด และคาดว่าสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน กุมภาพันธ์จะเริ่มฉีดวัคซีนได้
โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมวางระบบติดตามและประเมินผลภายหลังการฉีด โดยจะต้องฉีดยาในโรงพยาบาล หากมีการแพ้ยาจะได้ดูแลได้อย่างทันท่วงที ซึ่งเมื่อมั่นใจว่าไม่มีผลข้างเคียงมาก จะเร่งฉีดให้ครอบคลุมให้เร็วที่สุด โดยจะให้ฉีดที่สถานีอนามัยที่มีแพทย์และเครื่องมือที่พร้อม รวมทั้งนำรถโมบายออกให้บริการ
จากผลวิจัยของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทางโทรศัพท์ ระหว่างวันที่ 18 - 20 มกราคม 2564 จำนวน 1,186 คน พบร้อยละ 51.3 มีความหวังว่าวัคซีน โควิด-19 ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) จะมีประสิทธิภาพ ขณะร้อยละ 15.9 มีความหวังเพียงเล็กน้อยหรือไม่หวังเลย
กระนั้น เรายังคาดหวังว่า วัคซีน จะเข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญ ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันให้มีประสิทธิภาพ เพื่อที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวต่างๆ จะได้ขับเคลื่อน เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้อง บรรเทาความเดือดร้อน และจะได้กลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติตาม ตามประสาพี่ไทยเราที่ร่วมเฉลิมฉลองกันทุกเทศกาลเหมือนเช่นเดิม