แสงไทย เค้าภูไทย การซื้อกิจการสาขาเคเอฟซี 240 สาขาของบริษัทในเครือไทยเบฟฯ มีคนมองว่าเป็นการครอบงำเศรษฐกิจไทยของกลุ่มทุนชาติ แต่ในทางกลับกัน แจ๊ก หม่า ทุ่มทุนใหญ่ในเคเอฟซีจีน และขยายตัวมามาเลเซีย แต่ไม่มาไทย กลับมองว่ากลัวการเมืองไทย โดยลืมไปว่า เจ้าสัวเจริญ เป็นตัวขวางทุนจีนไหลบ่าลงใต้เป็นตัวสำคัญ การซื้อเคเอฟซีนั้นมองกันหลายแง่หลายมุม บ้างมองว่า เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ซื้อเพื่อเปิดช่องให้เครื่องดื่มช้างได้เข้ามาเป็นเครื่องดื่มประจำร้านโดยเฉพาะเบียร์ ช้างนั้นเข้ามาแน่ แต่มาในฐานะน้ำดื่มช้าง ไม่ใช่เบียร์ เนื่องจากจะทำให้เสียกลุ่มเป้าหมายของร้านอาหารสไตล์นี้ คือลูกค้ากลุ่มครอบครัวและเด็ก ชาเขียวโออิชิและเอสโคล่าน่าจะเข้ากันได้ เมื่อมองอีกด้าน ไทยเบฟฯซื้อกิจการสาขาเคเอฟซีนี้ ถือเป็นการขยายธุรกิจด้านอาหารเพื่อกำไร ก็น่าจะถูก โดยเฉพาะด้านฟาสต์ฟูดส์ เป็นธุรกิจที่กำไรได้เร็วกว่าธุรกิจด้านอื่นๆ น่าจะดีกว่ามองว่าเป็นการครอบงำเศรษฐกิจ เป็นทุนนิยมสามานย์ดังที่สื่อบางสำนักมองแง่ร้าย ครั้งนี้มิใช่ครั้งแรกที่ไทยเบฟฯรุกด้านอาหารและเครื่องดื่ม การซื้อ F&N ของสิงคโปร์มาร์เก็ตแคป 4 แสนล้านบาท เป็นการขยายการลงทุนข้ามชาติครั้งใหญ่ที่ผลักดันให้ไทยเบฟฯเป็นกลุ่มธุรกิจระดับโลก จึงน่าจะภูมิใจมากว่าคนไทยวันนี้ มีความยิ่งใหญ่ขึ้นชั้นแนวหน้าของธุรกิจโลกแล้ว ซื้อ KFC 11,300 ล้านบาท จึงไม่จัดอยู่ในลักษณะการครอบงำ ผูกขาด เพราะรูปแบบของการดำเนินธุรกิจในโลกนั้น ทุกวันนี้มีลักษณะการลงทุนข้ามชาติกันหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่จีนซึ่งเป็นชาติที่ปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ วันนี้จีนแยกการปกครองออกจากเศรษฐกิจ โดยด้านเศรษฐกิจอิงมาทางทุนนิยม แต่เลี่ยงไปใช้คำว่า “การตลาดสังคมนิยม” จึงไม่แปลกที่มหาเศรษฐีจีนหลายสิบคนอยู่ในทำเนียบมหาเศรษฐีโลกของนิยตสารฟอร์บส์ โดนหน้าใหม่มาแรงโด่งดังมากคือแจ๊ก หม่า ทุนจีนเคลื่อนย้ายลงใต้มายังลาว เวียดนาม กัมพูชา จนแทบจะเรียกว่าครอบงำ ยึดครอง มีแต่พม่าเท่านั้นที่เข็ดเขี้ยวจีน เพราะพม่าเคยปกครองด้วยระบอบเผด็จการสังคมนิยมเอนเอียงไปทางจีน จึงถูกทุนจีนเข้ามากอบโกยทรัพยากรโดยเฉพาะน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติแบบเอาเปรียบไปจนถึงกับชาวพม่าเดินขบวนขับไล่ ขณะนี้ลาว เวียดนามเจอเช่นกัน ยังแต่กัมพูชาเท่านั้นที่เพิ่งเริ่ม บ้านเราขณะนี้ “จีนอพยพรุ่นที่ 2” กำลังแทรกเข้ามาในธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ร้านอาหารจีนเข้ามาบริการนักท่องเที่ยวจีน ร้านขายสินค้าไอทีย่านคลองถม บ้านหม้อ พันธุ์ทิพย์พลซ่า ฯลฯ มีเกือบครึ่ง บางร้านพูดไทยแปร่งๆ เจ้าของร้านเป็นคนจีน ลูกจ้างเป็นพม่า ถ้าเราไม่มีกองทัพทุนหนาๆอย่างเจ้าสัวเจริญ กับ เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์ คอยต้าน ทุนจีนจะเข้ามาครอบงำ กอบโกยหนักยิ่งกว่าจีนอพยพรุ่นเสื่อผืนหมอนใบ จีนรุ่นแรกๆเข้ามาแหลมทองในฐานะกุลีเหมืองแร่ในมาเลเซียและตอนใต้ของไทย ส่วนตอนบนหอบเสื่อผืนกับหมอนใบนอนดาดฟ้าเรือสำเภาเข้ามาหากิน มาวันนี้ ทุนจีนหอบเข้ามาไทยมหาศาล สร้างทางรถไฟความเร็วสูงเสร็จเมื่อใด จะเห็นทุนจีนไหลลงมาตามรางอย่างชัดเจน เข้าไทยไปยันสิงคโปร์ ด้วยข้ออ้างสวยหรู “เส้นทางสายไหม”และ East Corridor ระเบียงตะวันออก รัฐบาลท้องถิ่นจีนแถบพรมแดนใต้ติดต่อลาว พม่า ให้ทุนเกษตรกรและนักอุตสาหกรรมระดับท้องถิ่นเข้ามาครอบครัวละ 3-5 ล้านหยวน เพื่อลงทุนในดินแดนใต้ โดยมีข้อแม้ว่าห้ามกลับจีนก่อน 10 ปี เข้ามากอบมาโกยจนเจ้าของบ้านร้องโอดโอย ถึงกับไล่กลับไปก็มี จึงการที่ QSA บริษัทธุรกิจอาหาร ที่บริษัท ฟูดออฟเอเชีย (FOA) อันเป็นบริษัทในเครือบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 99% ซื้อสาขาเคเอฟซีนั้น ต้องถือว่า มีส่วนในการสกัดกั้นทุนจีน เพราะขณะนี้แจ๊ก หม่า เข้าไปถือหุ้นก้อนโตในเคเอฟซีจีนแล้ว โดย Primavera Capital และ Ant Financial อันเป็นบริษัทลูกของ Alibaba ได้ลงทุนใน Yum China เจ้าของเคเอฟซีจีนมูลค่า 460 ล้านดอลลาร์สรอ. จุดประสงค์ก็คือ เพื่อขยายการให้บริการของ Alipay โดยแม้จะไม่เข้าไปบริหารสาขาหรือกิจการด้านอาหาร แต่มีส่วนร่วมในส่วนบริการเสริม ซึ่งล่าสุดโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหัวเหว่ยกำลังออกรุ่น”ฉลอง 30 ปีแห่งความสัมพันธ์ระหว่าง KFC กับ Huawei” หัวเหว่ยรุ่นรำลึก 30 ปีร้านแรกเคเอฟซีจะออกมา 5,000 เครื่องเท่านั้น ขายในราคาเครื่องละ 1,099 หยวน (ประมาณ5,500 บาท) อาลีเปย์จะมีส่วนให้บริการซื้อ-ขาย-จ่าย-ส่งมอบ ครบวงจรนี้ Yum China เจ้าของ Pizza Hut ,Taco Bell และเคเอฟซี เปิดเคเอฟซีในจีน ทั้งหมด 5,138 สาขาในขณะนี้ ซึ่งแม้จะมากกว่าไทยหลายเท่าตัว แต่เมื่อเทียบกับการเติบโตแล้ว เคเอฟซีจีนสู้ไทยไม่ได้ แต่กระนั้นแจ๊กหม่า ก็ยังมองเห็นลู่ทางในการเชื่อมต่อกับกิจการอาลีบาบาของตน เคเอฟซีในย่านเอเชียอาคเนย์ โดยเฉพาะบนพื้นทวีปแหลมอินโดจีนนั้น มีแต่ในไทยเท่านั้นที่เข้มแข็ง ประเทศเพื่อนบ้านใน CLMV ส่วนใหญ่ไม่คึกคักนัก บางประเทศก็ไม่มี อย่างเช่นพม่าเป็นต้น จะเพิ่งมีเอาปีหน้า เคเอฟซีในย่านนี้ จึงตกอยู่ในสายตาของแจ๊กหม่าเงียบๆ หากเจ้าสัวเจริญไม่ตะครุบมาไว้ในเครือ ก็ไม่แน่ว่าอาลีบาบาจะแอบมาฉกเอาไป โดยขณะนี้แจ๊กหม่า กำลังเข้าไปตั้งศูนย์ใหญ่แห่งภูมิภาคในมาเลเซีย หลายเสียงบอกว่า เพราะสถานการณ์ทางการเมืองของไทยยังอยู่ในสภาพไม่เป็นประชาธิปไตย ถือเป็นความเสี่ยงสูงทางธุรกิจ แต่แท้จริงแล้ว แจ๊กหม่าดูภาคธุรกิจเอกชนแล้ว การเข้ามาทำอะไรในไทยไม่น่าจะหมูนัก เพราะมีเจ้าถิ่นแข็งๆอย่างเจ้าสัวเจริญยืนเป็นกำแพงทมึนขวางหน้าอยู่ ถ้าไม่ระแวงระวัง ทุนนิยมจีนที่สามานย์กว่าทุนนิยมไทยจะทะลักลงมายิ่งกว่าน้ำบ่า โดยเฉพาะจีนอพยพรุ่นที่สองละลอกนี้ มิได้หอบเสื่อผืนหมอนใบมากับเรือสำเภากันแล้ว หากแต่หอบเงินดิจิต้อลมาตามสัญญาณอินเตอร์เน็ต มองไม่เห็นตัว แต่เห็นผล