เมื่อใช้โมเดล เลือกเล่นในพื้นที่ปลอดภัย แล้วคว้าชัยชนะ ได้เป็นกอบเป็นกำ จึงไม่น่าแปลกใจที่ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า ในศึกเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ “พรรคพลังประชารัฐ” จะไม่ส่ง “ผู้สมัคร” ลงชิงเก้าอี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำผิดข้อกฎหมาย “ ตอนนี้ยังไม่มีใครเลย ขณะเดียวกันกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น มาตรา 34 ระบุว่าพรรคการเมืองจะยุ่งเกี่ยวกับตัวแทนผู้สมัครไม่ได้ มันผิดกฎหมาย แนวทางของพรรคพลังประชารัฐ คงจะยึดหลักเกณฑ์เดียวกับการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด” พล.อ.ประวิตร ตอบคำถามผู้สื่อข่าว หลังจากที่ถูกซักถามถึงความชัดเจน ของพรรคพลังประชารัฐต่อการเมืองสนามเล็ก ที่ไม่ธรรมดา ชัดเจนว่า พรรคพลังประชารัฐ จะไม่ส่งใครลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ในนามพรรค ส่วนจะ “สนับสนุน” เทคะแนน ช่วย “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร.ที่เริ่มเปิดตัว ลงเล่นในสนามกทม. หรือไม่ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่เกินจะคาดเดา ทั้งนี้การที่พล.อ.ประวิตร ออกมาระบุแล้วว่าพรรคพลังประชารัฐจะไม่ส่งตัวแทนในนามลงสมัคร ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการ ตัดปัญหาอันจะมาจากความขัดแย้งภายในพรรคกลุ่มการเมืองในพลังประชารัฐด้วยกันเอง เมื่อมีรายงานว่า “ณัฎฐพล ทีปสุวรรณ” รมว.ศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องการผลักดัน “ทยา ทีปสุวรรณ” ภรรยา และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม.ให้สวมเสื้อพรรคลงสนาม แต่ใช่ว่าในพรรคจะไม่มี “กลุ่มการเมือง”อื่นๆที่ต้องการส่งตัวแทนกลุ่ม ลงไปเล่นเช่นกัน และหากย้อนกลับไป ที่สนามเลือกตั้งนายกอบจ. ทั้ง 76 จังหวัด ก็พบว่า คณะก้าวหน้า แพ้ทุกจังหวัด ขณะที่พรรคเพื่อไทยเอง ได้นายกอบจ.มาเพียง 9 จังหวัดซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเป้าหมาย อีกทั้งในหลายจังหวัดที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่าชนะนั้น ก็เป็นเพียงการ “รักษาที่นั่ง” ด้วยฐานอำนาจของกลุ่มและตระกูลการเมือง โดยไม่เกี่ยวกับกระแสของพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด แต่กลับกลายเป็นว่าการเลือกตั้งนายกอบจ.เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.63ที่ผ่านมา ทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐที่ต่างประกาศ ไม่ส่งผู้สมัครในนามพรรค กลับมีผู้สมัครนายกอบจ.ที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับทั้งสองพรรค ในปีกรัฐบาล สามารถกวาดที่นั่งไปได้อย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ได้นายกอบจ. มากกว่า 20ที่นั่ง สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. แม้จะเป็นการชิงเก้าอี้เพียง ที่นั่งเดียว แตกต่างไปจากการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นสนามอื่น ๆ แต่อย่าลืมว่า “ชัยชนะ” ในสนามกทม. คือภาพสะท้อนความนิยม ของ “คนกรุง” ที่มีต่อพรรคใดพรรคหนึ่ง อย่างเด่นชัด และความพึงพอใจของคนในกทม.นี่เอง ยังจะกลายเป็น “จุดแข็ง”ให้กับใครก็ตามที่เป็นฝ่ายได้ชัยชนะ เมื่อโมเดลที่บิ๊กป้อม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำกลับใช้อีกรอบ หลังจากที่พรรคกวาดที่นั่งนายกอบจ.มาได้อย่างงดงาม กำลังจะปรากฎขึ้นเป็นรอบที่สอง ด้วยการ “หนุน” ว่าที่ผู้สมัครที่ชื่อ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ เพราะไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ก็ย่อมไม่สะเทือนไปถึงพรรคพลังประชารัฐ และรัฐบาลของ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ดูเหมือนว่า ลึกๆแล้ว บิ๊กป้อม และพรรคพลังประชารัฐ เองประเมินแล้วว่า สนามกทม.รอบนี้ มีโอกาสมากน้อยแค่ไหน ที่จะได้ผู้ว่าฯคนใหม่ ชื่อ บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ !