ระหว่างทางที่ รัฐบาลกำลังเดินหน้ารับมือไปพร้อมๆกับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง พบว่า เกิดอาการ “รวน” จนทำให้ประชาชน เกิดความสับสน ไปพร้อมๆกับเกิดคำถาม ตามมา จนนำไปสู่ข้อวิพากษ์วิจารณ์ ต่อการออกข้อกำหนด และมาตรการต่างๆ ความวุ่นวาย แม้จะยังไม่ถึงขั้นโกลาหล แต่ก็สามารถทำให้เกิดความเข้าใจผิด จนนำไปสู่การโจมตีรัฐบาล อย่างรุนแรง
การแถลงข่าวของ “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ในช่วงสายระบุตอนหนึ่งว่า “ให้ประชาชนในพื้นที่โหลดแอพพ์หมอชนะมาติดตั้งในมือถือ สำหรับผู้ที่ติดเชื้อ แล้วพบว่าไม่มีแอพพ์ไทยชนะ จะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ”
เพียงไม่กี่นาที เมื่อนพ.ทวีศิลป์ แถลงข่าวจบลง ได้เกิดกระแสโจมตีอย่างหนัก ในทำนองว่า แค่ไม่มีแอพหมอชนะ จะถึงขั้นผิดกฎหมายตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เลยหรือ ?
จากนั้นในช่วงเย็น “อนุชา บูรพชัยศรี” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาชี้แจงทำความเข้าใจว่าแม้ไม่โหลดแอพหมอชนะ ก็ไม่มีความผิด ขอเพียงอย่าปกปิดข้อมูลโดยเจตนา
“หากมีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ก็ขอความร่วมมือดาวน์โหลดแเอพพลิเคชันดังกล่าว แต่หากไม่สะดวกในการติดตั้งแอพพลิเคชัน หมอชนะสามารถใช้การบันทึก หรือแผนการเดินทางให้กับด่าน หรือจุดตรวจได้ แต่หากพบว่า มีการปิดบังข้อมูลโดยเจตนา ที่อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ ก็จะถือว่า มีความผิด ซึ่งถ้ามีสมาร์ทโฟนแล้วไม่ให้ความร่วมมือ อาจทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสอบถามมากขึ้น ก็ต้องเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย”
แน่นอนว่า จากข้อมูลที่มาจาก “โฆษกศบค.” และถูกทำให้เข้าใจใหม่ โดย “โฆษกรัฐบาล” ในวันเดียวกัน ในเรื่องเดียวกัน ได้กลายเป็นประเด็นร้อน ๆที่รัฐบาลของ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องหาทาง “เบรค” ก่อนที่การโหลดแอพหมอชนะ จะกลายเป็นเผือกร้อน ที่โยนกลับมาใส่รัฐบาล ว่าเป็นการผลักภาระให้กับประชาชน โดยใช้ “กฎหมาย” มาเป็นเครื่องมือ “เอาผิด” !
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าการรับมือกับสถานการณ์โควิด ของรัฐบาลที่ต้องกลับมาสู้ศึกรอบใหม่ นับตั้งแต่กลางเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ดูจะแตกต่างไปจากเมื่อคราวเกิดการระบาดในรอบแรกอย่างสิ้นเชิง ทั้งการรับมือกับ “ฝ่ายต่อต้าน” ที่ไม่ชอบรัฐบาล สามารถหาจุดอ่อน หรือข้อบกพร่องมาโจมตีได้อย่างน่าทึ่ง ขณะที่กองเชียร์ นายกฯลุงตู่ เองก็พยายามที่จะทำความเข้าใจ และทำตามมาตรการต่างๆที่ทยอยออกมา
หมายความว่า จากนี้ไป รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จะต้อง “ตั้งหลัก” และดึงสติกลับมา ในการทุกเวทีที่จะสื่อสาร ทำความเข้าใจ ตลอดจน ขอความร่วมมือจากผู้คนในสังคม ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นถูกต่อต้าน จนเสียแนวร่วมไปโดยใช่เหตุ !
และที่สำคัญไปกว่านั้น อย่าลืมว่า การรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรอบนี้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่ยืดเยื้อ เพราะเป็นวิกฤติที่ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้าร่วมกัน หาก นายกฯและรัฐบาล “การ์ดไม่ตก” ในการบริหารจัดการแล้ว โอกาสที่จะเบรคความวุ่นวายจากฝ่ายต่อต้านที่จะฉกฉวย จังหวะที่รัฐบาลกำลังอ่อนล้า ก็ย่อมเป็นไปได้ยาก !!