ส่งท้ายปีเก่า แล้วมาต้อนรับปีใหม่ กันด้วยความตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อไวรัสโควิด -19 กลับมาระบาดใหม่ระลอกใหม่ และมีแนวโน้มที่น่าวิตกกังวล เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อที่กระจายไปยังจังหวัดต่างๆ ยังทะยานกันไม่หยุด วันนี้ตัวเลขจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิดด้วยกันทั้งสิ้น 53 จังหวัด ขณะที่รัฐบาล ตลอดจนทุกองคาพยพ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงสาธารณสุขที่บุคลากรด้านการแพทย์ รวมถึง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม ที่มีเครือข่ายบุคลากรเป็นเสมือนแขนขา กระจายออกไปทั่วประเทศ และกระทรวงต่างๆเพื่อเป็น “กองหนุน” สนับสนุนการทำงานให้กับรัฐบาล แต่ถึงกระนั้นใช่ว่าการเป็นรัฐบาล จะทำให้ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ สนามไชย 1 ได้รับความร่วมมือ หรือ การสนับสนุน จากทุกๆฝ่าย โดยไร้แรงต้านแต่อย่างใด ! วันนี้ศบค.ได้กลับมาทำหน้าที่เปิดศูนย์เพื่อสื่อสาร ให้ข้อมูลตลอดจนเปิดการประชุมใหญ่ ๆเพื่อรองรับกับศึกใหญ่ คือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ที่กลับมาระบาดใหม่ โดยถูกคาดการณ์ว่าสถานการณ์จะหนักหนาและเลวร้ายกว่ารอบแรก ส่วนหนึ่งมาจากจุดที่เป็นคลัสเตอร์ทำให้เกิดการระบาดใหม่ ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ ล่อแหลม แออัด และผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นวงการพนัน หรือสถานบันเทิง ผับ บาร์ จนทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็น “จุดอ่อน” ที่ย้อนกลับมา กระแทกเข้าใส่ ทั้งตัวพล.อ.ประยุทธ์ ลุกลามไปถึง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ปัญหาของการรับมือและสกัดการลุกลาม แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเวลานี้นั้นดูเหมือนว่าจะผสมปนเปกันระหว่าง “การเมือง” จากฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎร ที่ต่างฉวยโอกาส หยิบประเด็นที่นำมาสู่การระบาดซ้ำ มาโจมตีพล.อ.ประยุทธ์ และครม. ว่าต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ อย่างไรก็ดีการออกมาตรการจากศบค.ไม่ว่าจะออกมาในมุมไหน ก็ไปกระทบต่อผู้ค้า ผู้ประกอบการ และประชาชน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกการบังคับใช้ข้อกำหนด ย่อมไม่สามารถ “สนอง” ต่อทุกความต้องการให้ทุกคนพึงพอใจได้อย่างทั่วถึง การบริหารสถานการณ์เพื่อรับมือกับไวรัสโควิด ของพล.อ.ประยุทธ์ ในรอบใหม่เวลานี้ หลายคนกำลังลุ้นว่าจะประสบความสำเร็จ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในครั้งแรกได้หรือไม่ ? เพราะหากย้อนกลับไป ในครั้งแรกที่พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่ในฐานะ “แม่ทัพใหญ่” นำทัพจนชนะศึกโควิด มาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา จนได้รับเสียงชื่นชม จากในประเทศ ไปจนถึงต่างประเทศ และองค์กรระดับโลก อย่าง WHO เมื่อชัยชนะตกเป็นของประเทศไทย เท่ากับว่าเป็นเครดิตให้กับรัฐบาลที่มีพล.อ.ประยุทธ์ ถือธงนำอยู่แถวหน้า แต่สำหรับครั้งนี้ เมื่อมีการประเมินจากหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เป็นกองเชียร์ และกองแช่งรัฐบาล กำลังเดินไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือโอกาสที่การแพร่ระบาดจะกลับไปสู่สภาวะที่น่าวิตก เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อจะพุ่งทะยานเพิ่มมากขึ้น และหากยังไม่สามารถ “ป้องกัน” รักษาด่านเอาไว้ให้ได้ ภายใน1เดือน โอกาสที่ประเทศไทยจะชนะ ย่อมห่างไกล ออกไปทุกที !