สืบเนื่องจากความตอนที่แล้ว ที่ได้น้อมนำพรปีใหม่ 2562 จากการแสดงธรรมของสมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล ประธานกรรมการคณะสงฆ์ธรรมยุตในประเทศแคนาดา ในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ได้รับการยกย่องเป็นพระสายวิปัสสนา ซึ่งท่านได้ละสังขารไปก่อสิ้นปี 2563 ที่ผ่านมานี้ แต่คำสอนของท่านยังอยู่ จึงขอนำความจากการแสดงธรรมของหลวงพ่อวิริยังค์ ที่เผยแพร่ทาง Youtube .com ช่อง Samathi Chanel เมื่อวันที่ 1 มกราคม2562 มานำเสนอเป็นตอนสุดท้ายแล้วดังนี้ ‘…ถ้าหากว่ารู้จักหนทาง หนทางในที่นี้พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ คือ สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เขาเรียกว่ามรรคทั้ง 8 มรรคทั้ง 8 นี้ ไม่ได้ถือว่าเฉพาะบุคคลใดคนใดคนหนึ่งที่จะรับเอาไปได้ รับได้ทุกคน สัมมาทิฐิ ก็รับได้ ทำไมถึงรับได้ เพราะว่าร่างกายและจิตใจนี้ได้พัฒนาขึ้น แต่ก่อนเราไม่ไดพัฒนาขึ้น เดี๋ยวนี้เราพัฒนาขึ้นมาแล้ว เราก็มีจิตใจที่สูงขึ้นทุกที ยกระดับจิต เรียกว่ายกระดับจิต ถ้ายกระดับจิตได้เช่นนี้ วันหนึ่งคืนหนึ่งที่ล่วงไป ก็ไม่ล่วงไปเปล่าๆ ล่วงไปด้วยความพัฒนา ล่วงไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง เพราะว่ามนุษย์เรานี้ ถ้าปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆแล้ว ก็จะทำให้เกิดความผ่องใส ความผ่องใสที่ได้เกิดขึ้นนั้น เขาเรียกว่า ‘ดวงตาทิพย์’ ที่จะเกิดขึ้นแก่ตัวของเรา ดวงตาของเราเปรียบประดุจดั่งเพชร ถ่าแต่ก่อนเปรียบเทียบก็เป็นหินธรรมดาไม่มีราคาอะไร แต่พอได้สัมผัสธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้วก็เท่ากับว่าหินก้อนนี้ ได้ถูกเลือกคัดจัดสรรมาให้เป็นของเราแล้ว เราก็เลยสามารถที่จะครอบครองได้ แต่ก่อน ถ้าเราไม่พบคำสอนของพระพุทธเจ้า เราก็ไม่รูจะไปพบได้ที่ไหน ก็หาไม่เจอ แต่เมื่อว่าเมื่อพบคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วก็กลายเป็นของเท่ากับว่า เมื่อเป็นเพชร ขึ้นมา ก็เป็นของที่เจียรไน ที่จะให้เป็นเพชรน้ำหนึ่ง แต่ก่อนไม่ได้เจียรไนก็หลงงมงายไปสร้างกิเลศ ที่พาจิตใจของเราให้หม่นมัวหมอง ความมัวหมองที่เกิดขั้นนั้น เกิดขึ้นจากความพัฒนาจิตใจ ไม่พัฒนาตัวเองให้สมกันกับว่าเราได้พบคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อเป็นเช่นนั้นเสียทีที่เกิดข้นมาในชาติหนึ่ง ที่ได้พบคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว เราไม่สามารถทำตามได้ ก็เรียกว่าเสียกาล เสียเวลา เพราะฉะนั้นจึงมีเรื่องสมาธิเพื่อที่จะให้พวกเรานี้ ได้พัฒนาจิตใจของเราให้สูงขึ้นจากระดับที่เรียกว่าชั้นต้น ชั้นต่ำ ต่อไปก็ชั้นกลาง ต่อไปก็ชั้นสูง แต่ก็เพชรก้อนเดียวกันนี้เอง ไม่ใช่อื่นไกล ก้อนเดียวกันนี้ แต่ว่าได้เจียรไนแล้ว มันก็ทำให้เป็นองดี เป็นของวิเศษ เมื่อเป็นของดี เป้นของวิเศษ แ ล้ว เราก็รู้ด้วยตัวเราเอง เราสามารถที่จะรู้ได้ว่า ความดี วิเศษ ของเพชรนั้นมันเลอค่าเป็นมันเป็นล้าน หลายล้าน แต่ถ้าเราไม่เจียรไนเสีย เพชรก้อนก็เท่ากับเป็นก้อนหิน ไม่มีค่าเท่าที่ควรจะมีให้แก่เรา แต่ว่าเมื่อเอามาเจียรไนแล้ว มันก็เป็นเพชรล้ำค่า เพชรเเม็ดเดียวกันก็เป็นเพชรล้ำค่า ล้ำค่าอยู่ที่ตัวเราเอง ไม่ใช่อยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้นการที่เราจะมีดวงตาเห็นธรรม เรียกว่าดวงตาเห็นธรรม นี้ เกิดขึ้นแก่ตัวของเราเรียกว่ามีความพัฒนา พัฒนาให้มีความละเอียดอ่อน เมื่อพัฒนาไปจากเบื้องต้น ไปหาเบื้องกลาง ไปหาในที่สุดแล้ว ก็จะทำให้ความสว่างไสว เกิดขึ้นแก่ตัวของเรา ไม่มืดมนเหมือนก่อน อันนี้เรียกว่าการพัฒนาขึ้น เราสามารถพัฒนาได้ถ้าหากว่า เรามีสติ มีปัญหา เมื่อมีสมาธิ มันก็มีสติ เมื่อมีสติมันก็มีปัญญา หากขาดสมาธิก็ขาดสติ เมื่อขาดสติก็ขาดปัญญา เพราะฉะนั้น ง่ายยิดเดียว อยู่ที่การฝึกฝน ที่เราจะฝึกฝนให้มีความเฉียบคม สามารถจิตใจของเรามีความละเอียดอ่อน เพื่อที่จะเป็นที่รองรับซ่งที่เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เอามาใส่ตัวของเราไว้เพชรเม็ดนี้ก็จะเป็นของมีค่ามีราคานับไม่ถ้วน แต่ถ้าหากว่าทิ้งไว้เฉยๆ ไม่พัฒนาให้เจริญยิ่งขึ้นแล้ว มันก็หินธรรมดา เมื่อเป็นหินธรมดาก็ทิ้งขว้างไป ไม่มีค่า แต่ถ้ามาทำการขัดถูด้วยกรรมวิธีที่พระพุทธเจ้าได้แนะนำเอาไว้เราก็ทำให้เกิดึ้น และได้ทำให้เกิดขึ้น เราก็ทำให้เกิดขึ้นชาตินี้ต่อไปชาติหน้าต่อไปอีก เช่นนางวิสาขะ เป็นต้น เธอก็คือคนธรรมดา ธรรมดานี่เอง แต่ว่าบัดนี้เธอเป็นผู้บรรลุพระโสดาบรรณแล้ว แล้วก็เลยเสวยสุขแล้วอย่างน้ถือว่าไม่ธรรมดา จากธรรมดา กลายเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา ก็คือเพชรเม็ดเดียวกันนี้เอง เพราะฉะนั้น ในปีพุทธศักราช 2562 เราก็จะได้มาพบกับธรรมะ ที่เป็นของดี เป็นของวิเศษ ที่เป็นแก้วรัตนมงคลของโลก สวัสดี’