แสงไทย เค้าภูไทย อิสานเคยได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห้งแล้งที่สุดในประเทศไทย แต่อุทกภัยรุนแรงที่สุดในรอบ 30-60 ปีขณะนี้ เป็นสัญญาณเตือนภัยว่าต่อไปนี้อิสานจะเป็นดินแดนท่วมน้ำจากไต้ฝุ่นที่มีความเร็วสูงถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากทะเลจีนใต้ข้ามเวียดนาม ลาว ถึงไทยแค่ไม่ถึง 1ชั่วโมงหลายจังหวัดหลายพื้นที่น้ำหลากท่วมอันเกิดจากพายุไต้ฝุ่นหลายลูกที่เกิดในทะเลจีนใต้พัดผ่านเวียดนามลาว เข้าไทย ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างมีช่วงห่างในการเกิด “ท่วมหนักที่สุด” ต่างกัน อย่างหล่มสักก็ว่าหนักที่สุดในรอบ 20 ปี สกลนครหนักที่สุดในรอบ 30 ปี บึงกาฬห เลย นักสุดในรอบ 60 ปี ฯลฯ ทั้งนี้เพราะแต่ละพื้นที่อยู่ห่างจากแหล่งเกิดไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งด้วยระยะทางต่างกันอย่างจากจังหวัดฝั่งเวียดนามมาไทยซึ่งเป็นส่วนแคบที่สุดของเวียดนาม-ลาว-ไทยนั้น จะเจอบ่อยกว่าและหนักกว่า ขณะที่ส่วนลึกๆเข้ามาจะเจอน้อยกว่า เบากว่า เพราะไต้ฝุ่นแต่ละลูกเอาน้ำฝนทิ้งตามเส้นทางที่ผ่านมาจนอ่อนแรงลงเมื่อมาถึงไทยลึกๆ ยกตัวอย่าง จากชายฝั่งทะเลระหว่างเหวียนกวางทัคกับเมืองเหวียนเลอทุย มาไทยนั้น ด้วยพลัง Jet Stream ระดับเครื่องบินไอพ่นนั้น แค่ไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงสกลนครแล้วภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วม น้ำหลากที่เกิดขึ้นนี้ มิใช่เกิดแต่ไทยและตอนบนของแหลมอินโดจีนที่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมและไต้ฝุ่นจกทะเลจีนใต้เท่านั้น หากแต่เกิดไปทั่วตลอดแนวชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย อ่าวเบงกอล อ่าวเมาะตะมะ เลาะลงมาชายทะเลตะวันตกของแหลมอินโดจีน มาจรดปลายแหลมเข้าอ่าวไทย ชายฝั่งตะวันออก กัมพูชา เวียดนาม ขึ้นไปจนถึงอ่าวตังเกี๋ย เละขึ้นไปตามชายฝั่งของแผ่นดินจีน องค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมเครือจักรภพ ในออสเตรเลีย กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า ในช่วง 30 ปีข้างหน้านี้ มีแนวโน้มจะเกิดฝนตกหนักมากขึ้นต่อเนื่องในเอเชียใต้ โดยจะเพิ่มขึ้นถึง 20%อันจะยังผลให้ พื้นที่เอเชียใต้จะกลายเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่สุดของโลก เนื่องจากมีฝนตกเฉลี่ย 1,000 มิลลิเมตรต่อปี พื้นที่ริมฝั่งมหาสมุทร อินเดียตอนล่าง บังคลเทศ พม่า ไทย เวียดนาม จีน จะโดนถ้วนหน้าแต่ที่หนักที่สุดคืออินเดีย บังคลาเทศและจีน ประชากรกว่า 137 ล้านคนจะเผชิญกับน้ำท่วมรุนแรง โดยนับแต่ปี 2493 มาทั้ง 3 ประเทศมีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยกว่า 2.2 ล้านคน ประชากรที่เสี่ยงมากที่สุดในโลกคือประชากร 500 ล้านที่อาศัยอยู่ริมปากแม่น้ำ คงคา พรหมบุตรและแยงซี โดย 300 ล้านคนอยู่ในจีน ซึ่งคิดเป็น 25% ของประชากรจีนทั้งประเทศ ภัยพิบัติจากน้ำท่วมทำความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจถึง 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจทั้งหมดของโลกเหตุที่น้ำท่วมมากขึ้นก็เพราะ อุณหภูมิโลกสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน โดยในอีก 80 ปีข้างหน้า อุณหภูมิย่านนี้อาจขึ้นไปอีก 6 องศาเซลเชียส ขณะที่อุณหภูมิขั้วโลกก็สูงเช่นกัน ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายมากขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำในมหาสมุทรสูงขึ้นโดยเฉลี่ยกว่าปีละ 4 เซนติเมตร ทำให้ปริมาณไอน้ำที่ระเหยจากผิวพื้นสมุทรขึ้นไปเป็นเมฆมีมากขึ้นอุณหภูมิที่สูงขึ้นบนแผ่นพื้นทวีป ทำให้อากาศและไอน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำในบริเวณเหนือผิวน้ำในมหาสมุทรซึ่งมีแรงกดดันสูงกว่าพัดเข้าหาบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงแรงกดอากาศต่ำกว่าและลอยตัวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศแรงกดดันอากาศต่ำเหนือมหาสมุทร จะพัดเข้าหาฝั่งพร้อมกับหอบเอาไอน้ำมาด้วยเพื่อแทนที่ อากาศที่ร้อนกว่าบนผืนทวีปด้วยความเร็วสูงมาก ยิ่งความแตกต่างของอุณหภูมิมีมากแรงกดดันก็ยิ่งสูงมาก ทำให้ลมที่พัดเข้าฝั่งมีความเร็วสูงถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงปรากฏการณ์ที่ก่อเกิดพายุความเร็วสูงระดับความเร็วของเครื่องบินนี้จึงได้ชื่อเรียกว่า Jet Stream บริเวณที่จะได้รับกระแสเจ็ตสตรีมมากที่สุดคือย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีหมู่เกาะนับหมื่นเกาะและทุกประเทศบนภาคพื้นทวีปล้วนอยู่ริมฝั่งทะเลขนาบด้วยมหาสมุทรแปซิฟิกกับหาสมุทรอินเดียฃมีการกล่าวอ้างถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอุทกภัยจากมหาสมุทรเหล่านี้ว่าเป็นเพราะฝีมือมนุษย์ สาเหตุแรกคือ การปลดปล่อยก๊าซสู่บรรยากาศมีมากขึ้นแม้จะมีข้อตกลงปารีส แต่ก็มีบางประเทศ โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุดคือสหรัฐ ประธานาธิบดีโดแนลด์ ทรัมป์ ประกาศไม่ร่วมข้อตกลงปารีส เนื่องจากอุตสาหกรรมหนักของสหรัฐยังใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงอยู่ถึงกว่า 60% นอกจากก๊าซจากโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีการปล่อยก๊าซพิษขึ้นสู่บรรยากาศในรูปต่างๆกันอีกหลายรูปแบบเช่น: ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ เกิดจากคมนาคมขนส่งมากที่สุด ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เกิดจากโรงไฟฟ้ามากที่สุด ก๊าซไฮโดรคาร์บอน เกิดจากคมนาคมขนส่งมากที่สุด c]tฝุ่นละออง เกิดจากควันเสียมากที่สุด การตัดไม้ทำลายป่ามากขึ้นเป็นตัวการเสริมให้อุทกภัยรุนแรงขึ้น เพราะพื้นที่ซับน้ำและชะลอความเร็วของกระแสน้ำหลากลดลง โดยเฉพาะภาคอิสานขณะนี้เหลือพื้นที่ป่าเพียง 17% เท่านั้น การทำลายป่าในภาคอิสานเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเหตุราคายางดี จีนมีความต้องการยางธรรมชาติดิบมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดดจนจีนได้ฉายาว่า “ดีทรอยต์ตะวันออกไกล” ทำให้อุตสาหกรรมยางรถยนต์ของจีนต้องการวัตถุดิบด้านยางธรรมชาติมาก ไทยเป็นผู้ป้อนยางดิบให้จีนรายใหญ่ที่สุดของโลก มาเลเซียรองจากไทย กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอ จีนขยายการปลูกยางพาราในประเทศขนานใหญ่และส่งเสริมให้ทุนแก่ชาวสวนยางของตนไปปลูกในลาวเช่นเดียวกับไทย เกษตรกรสวนยางขยายพื้นที่ปลูกเช่นกัน ชาวสวนยางภาคขึ้นมาตระเวนกว้านซื้อที่ดิน ภ.บ.ท.ไปทั่วภาคอิสาน จนทำให้มีการถางป่าขายพวกทำสวนยางกันทั่ว โดยแหล่งใหญ่ที่สุดคือจังหวัดบึงกาฬ มีสวนยางมากจนถึงกับตั้งสหกรณ์สวนยางบึงกาฬ ปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดการทำลายป่าในภาคอิสานจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์แม้วันนี้ราคายางจะตกต่ำ เพราะจีนเปลี่ยนสูตรผสมในการผลิตยางสำเร็จรูปและใช้ยางสังเคราะห์เพิ่มขึ้นทำให้การนำเข้ายางพาราจากไทยและมาเลเซียลดลงชาวสวนยางบ้านเราเดือดร้อนจนถึงกับยกเป็นประเด็นการเมืองโจมตีรัฐบาลแต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สวนยางพาราในภาคอิสานอันเกิดจากชาวถิ่นถางป่ามาขายนายหัวสวนยาง ก็ไมอาจกลับไปเป็นป่าได้อีกแล้วถือเป็นกรรมที่สนองชาวอิสานด้วยน้ำท่วมหนักในยามนี้ทันตาเห็นที่สุด