อุทกภัยจากมรสุมเกิดขึ้นในไต้หวัน จีน เวียดนาม ลาว ไทย รวมถึงพม่าก็มีอุทกภัย ยามประสบภัยคนไทยเราช่วยเหลือกันเต็มที่ สื่อสะท้อนว่าสังคมไทยยังเข้มแข็ง
แล้วถ้ายามไม่มีภัย ชุมชนในสังคมไทยมีความเอาใจใส่ เอื้ออาทรต่อกัน สัมพันธ์ช่วยเหลือกันได้ดี สังคมไทยก็จะยิ่งมีความผาสุกมากขึ้น
ชีวิตในครอบครัวมีความผาสุก สามัคคีกัน ทำงานดูแลเอาใจใส่กัน บ้านใดเป็นอย่างนี้บ้านนั้นมีความสุข แต่การมีความสุขอยู่ในบ้านเดียว ยังไม่พอ อย่างน้อยหลาย ๆ บ้านที่อยู่ใกล้ชิดกัน ก็ควรรู้จักกัน เอื้ออาทรต่อกัน มีความเป็นชุมชนที่ยึดโยงพึ่งพากันได้ ดั่งชุมชนหมู่บ้านในสมัยก่อน
จากชุมชนขยายใหญ่ขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งถ้ายังคงสร้างความยึดโยงให้มีความรู้สึกทุกข์ร้อนร่วมกันได้แล้ว ความทุกข์ร้อนก็จะน้อยลงได้ เพราะทุกบ้านทุกชุมชนก็ย่อมไม่อยากประสบกับความทุกข์ร้อน และร่วมมือกันป้องกันทุกข์ร้อนนั้น ๆ
ปัญหาของชุมชนเมืองในปัจจุบันก็คือ การที่ต่างคนต่างอยู่ ไม่สนใจทุกข์สุขของคนอื่น ไมสนใจต่อสังคมที่ตัวอยู่ ขาดความรู้สึกร่วมกัน ไม่มีความรู้สึกร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน เมืองใดชุมชนใดที่ขาดความรู้สึกเช่นนี้ เมืองนั้นหรือชุมชนนั้นจะมีความทุกข์ร้อนมาก
เมืองอย่างนั้นคือ “เมืองที่ขาดวิญญาณ”
“เมืองใดหรือชุมชนใดที่ขาดความรู้สึกเช่นนี้ เมืองหรือชุมชนนั้นก็ขาดวิญญาณ หาทางเจริญก้าวหน้าได้ยาก และใครอยู่ในเมืองนั้นหรือในชุมชนเช่นนั้นก็จะขาดความสุขขาดความอุ่นใจ
ถึงจะแวดล้อมไปด้วยเพื่อนบ้านจำนวนมาก แต่ก็ยังจะรู้สึกว่าเหว่ขาดความปลอดภัย มีทุกข์ก็เป็นทุกข์ของตนเอง ไม่มีใครร่วมด้วย มีสุขก็เป็นสุขส่วนตัว ไม่มีใครร่วมด้วย ต้องฝากชีวิตไว้กับตนเอง ต้องรักษาความปลอดภัยให้แก่ตนเอง
สภาพเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะแต่ละคนไม่สนใจในชุมชนที่ตนอาศัยอยู่ มุ่งแต่ประโยชน์ตนเป็นสำคัญ เช่น ทำถนนคอนกรีตอย่างดีจากประตูหน้าบ้านตนมาถึงเรือน เพื่อให้รถของตนแล่นเข้าบ้านได้เรียบร้อยในระยะทางไม่เกิน ๕๐ เมตร ส่วนถนนหน้าบ้านทั้งสายขรุขระ เป็นหลุมบ่อมีกองขยะโสโครกเพียงใด ไม่เคยสนใจ ไม่เคยคิดจะแก้ไข นึกเสียว่าบ้านเมืองไม่ใช่ของเราคนเดียว หรือบ้านเมืองไม่ใช่ของเราเลยทีเดียว
หากคนส่วนใหญ่มีความรู้สึกเช่นนี้แล้ว ชุมชนที่มีทุกข์และสุขร่วมกัน มีประโยชน์ร่วมกันอย่างที่ฝรั่งเรียกว่า Community นั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้
คนที่ไม่ได้อยู่ในชุมชนเช่นนั้นจะขาดความสุขความอุ่นใจและขาดเหตุผลในชีวิต
และคนที่ต้องทำงานให้ชุมชนเช่นนั้น ก็จะมีแต่ความท้อถอย ไม่เห็นประโยชน์แห่งการทำงาน ไม่รู้สึกว่าเป็นเกียรติที่ได้ทำงาน
ชีวิตของคนแต่ละคนจะว่างเปล่าอยู่มาก
ตายไปแล้วก็จะไม่มีใครนึกถึง ไม่ต้องพูดถึงอนุสาวรีย์กันละครับ” (คึกฤทธิ์ ปราโมช)”
รากฐานสำคัญที่สุดของสังคมไทยอยู่ที่ชุมชน
มาช่วยกันสร้างวิญญาณร่วมในชุมชนกันเถิด !