การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)หรือศบค.เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา มีประเด็นสำคัญที่คนทั้งประเทศต่างเฝ้ารอคอย ว่าที่สุดแล้ว “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะสั่งให้ล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ตามที่มีกระแสข่าวสะพัดมาก่อนหน้านี้หรือไม่
และแล้ว มีความชัดเจนว่ารัฐบาลเลือกใช้วิธีการกำหนดพื้นที่จังหวัดเป็นโซนสีต่างๆแทน จากนั้นวางมาตรการว่าพื้นที่ใด ที่มีความเสี่ยงสูง จะต้องปฏิบัติตัวกันอย่างไร อะไรที่ทำได้ และอะไรที่ทำไม่ได้ เอาไว้ชัดเจน
1.สีแดง 1 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และมีมากกว่า 1 พื้นที่
2.สีส้ม 4 จังหวัด ได้แก่ กทม. สมุทรสงคราม ราชบุรี นครปฐม พื้นที่สีส้ม ถือเป็นพื้นที่ที่ติดกับพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อมากว่า 10 รายและมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
3.สีเหลือง 25 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี สมุทรปราการ สุพรรณบุรี นนทบุรี ปทุมธานี อุตรดิตถ์ ฉะเชิงเทรา กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ อยุธยา ภูเก็ต เพชรบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี กระบี่ ขอนแก่น ชัยนาท อุดรธานี พิจิตร นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ ชัยภูมิ นครสวรรค์ อ่างทอง เป็นพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อไม่เกิน10 ราย และมีแนวโน้มควบคุมสถานการณ์ได้
4. สีเขียว 47 จังหวัด ไม่มีผู้ติดเชื้อ เป็นพื้นที่สีเขียว ถือเป็นพื้นที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ และไม่มีสิ่งบอกเหตุว่ามีจะมีเชื้อ ได้แก่ จังหวัดอื่นๆที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ และไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีผู้ติดเชื้อ
จากนี้ไปเมื่อมีการกำหนดพื้นที่เป็นโซนสีต่างๆการนับหนึ่ง ในการปฏิบัติตัวตามมาตรการต่างๆ ก็ต้องเดินหน้าไปอย่างเข้มงวด เพราะไม่เช่นนั้น หากยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ให้อยู่ในจุดที่คุมได้ เกิดผลชัดเจนว่า ในแต่ละพื้นที่ ที่ได้กำหนดโซนเอาไว้แล้วนั้น ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นอย่างไร
นอกเหนือไปจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทั้งประเทศ ว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ที่ระบาดรอบใหม่ ยังกลายเป็นว่ากรณีจุดแพร่ระบาดไวรัสโควิดที่มาจากตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ที่มีแรงงานเมียนมาติดโควิดเข้ามาเกี่ยวข้อง ได้เกิดคำถามทำให้ทุกสายตาต่างเพ่งมองไปที่ “ขบวนการค้าแรงงานผิดกฎหมาย” ข้ามชาติ โดยเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ลงมารื้อขยะที่ซุกอยู่ใต้พรม ในคราวเดียวกัน
“ ข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ต้องช่วยกันปราบปรามการทุจริต ถ้าพูดกันลอยๆ ผมไม่รู้เหมือนกัน ที่ผ่านมาเขาก็จับ แต่ไม่มีการแถลงข่าว ต้องรับรู้ข้อมูลให้มากยิ่งขึ้น เพราะมีคนสงสัยเยอะ ต้องไปดูที่บอกว่ามีผู้มีอำนาจสั่งให้รถตู้เข้ามา ก็ต้องไปดูว่าใครคือผู้มีอำนาจที่ว่า
ใครกล้าสั่งบอกมาเลย ผมจะปลดมันเดี๋ยวนี้ เอามาเลย จะส่งแบบลับๆมาก็ได้ ชื่อใครบอกมาผมจะสอบให้หมด และผมก็ดูในโซเชียลก็เห็นมีส่งชื่อมา ผมก็กำลังสอบอยู่หลายคนเหมือนกัน ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทั้งหมดผมจะสอบหมด”
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุตอนหนึ่งของการแถลงข่าวภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.63 ซึ่งวันนี้ปัญหาขบวนการค้าแรงงานข้ามชาติ คือปัญหาใหญ่ที่กำลังกลายเป็น แรงกดดัน ระลอกใหม่ที่โถมเข้าใส่พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล ส่งท้ายปีเก่า อีกด้วยต่างหาก !