ภาพรวมปัญหาของรัฐบาลในปีหน้า ในมุมมองของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองว่า มาจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน ปัจจัยแรกคือ มุ่งเน้นเรื่องของการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกก็ยังเผชิญอยู่ และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาเราแก้ปัญหาได้ดีในระดับเป็นที่ยอมรับของโลก ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นที่สมุทรสาครนั้น ขณะนี้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขก็ได้เร่งรัดเข้าไปแก้ปัญหาแล้ว ปัจจัยที่สอง นอกจากเรื่องโควิดก็คือเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องมุ่งเน้นในเรื่องของเศรษฐกิจฐานรากและการนำรายได้เข้าประเทศ โดยการสร้างสมดุลระหว่างการนำรายได้เข้าประเทศกับเรื่องของการดูแลสุขภาพของประชาชน ในเรื่องการนำรายได้เข้าประเทศก็จะมีทั้งการส่งออกซึ่งในส่วนที่ตนรับผิดชอบอยู่ก็ไปได้ดี ตัวเลขก็ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ที่ยังต้องเร่งรัดคือการท่องเที่ยว ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถนำนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาได้มาก ทำให้ต้องพึ่งไทยเที่ยวไทยไปก่อน ปัจจัยที่สามคือ เรื่องปัญหาการเมืองหลังปีใหม่ ตนคิดว่าถ้าไม่มีใครไปสร้างเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติมไปจากที่เป็นอยู่ สถานการณ์ก็น่าจะเบาบางลงได้ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทุกฝ่ายก็จับตาดูอยู่ ก็จะเป็นเรื่องที่มีจะความสำคัญ ตนไม่อยากให้สะดุด และไม่อยากให้มีอุปสรรคอะไร เพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้นก็จะกลายเป็นการสร้างเงื่อนไขทางการเมืองโดยไม่จำเป็นให้เกิดขึ้นและอาจไปผสมโรงกับเรื่องอื่นๆได้ เราเห็นด้วยว่า ทั้ง 3 ปัจจัยยังเป็นปัญหาที่รัฐบาลยังต้องเผชิญในปีหน้า ที่สำคัญคือทั้ง 3 ปัจจัยนี้ มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ก่อนหน้านี้ประเทศไทยมีความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาด ในระดับที่องค์การอนามัยโลกได้แนะให้นานาชาติดำเนินการตามประเทศไทยเป็นตัวอย่าง ในขณะที่มาตรการฟื้นฟูเยียวยาด้านเศรษฐกิจ ทยอยกันแสดงผลสัมฤทธิ์ โดยเฉพาะการกระตุ้นการใช้จ่ายจากมาตรการคนละครึ่ง ที่กลายเป็นโครงการมหานิยม ขณะที่มีแนวคิดในการลดวันกักตัวจาก 14 วัน เหลือ 10 -7 วัน เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ขณะเดียวกัน การเมืองอยู่ในช่วงของการ “พักรบ” เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมม็อบราษฎร 2563 นัดเคลื่อนไหวอีกครั้งช่วงหลังปีใหม่ ทว่า จากกรณีจากกรณีที่มีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร กระจายทั้งใน จ.สมุทรสาคร และจังหวัดอื่นๆ เช่น สุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ โดยได้มีการล็อกดาวน์ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และอำเภอใกล้เคียง ประกาศงดการออกนอกเคหะสถานในช่วงเวลา 22.00 น.-05.00 น.และมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้า-ออกนอกพื้นที่ กรณีดังกล่าวย่อมส่งผลให้กิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจต่างๆ ต้องหยุดชะงักลง โดยเฉพาะในพื้นที่เสียงที่มีปัญหาการแพร่ระบาด ขณะเดียวกันกระทบต่อจิตวิทยาของประชาชนโดยทั่วไปที่เกิดความวิตกกังวลทำให้ไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย และสุดท้ายคือส่งผลกระทบต่อการเมือง ที่ก่อนหน้านี้กรณีการรับมือกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาล และเป็นปราการสำคัญที่ปกป้องรัฐบาลอยู่ ดังนั้น การหยุดปัญหาควิดไม่ให้ลุกลามจรกระทบระบบสาธารณสุข เร่งค้นหาผู้ติดเชื้อนำเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด คือหัวใจของการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล