"เราต้องจำไว้ว่า เพียงคนไม่กี่คนที่ละเลยความรับผิดชอบต่อสังคม และมีพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัว จะสร้างปัญหาให้คนเป็นล้านๆ ได้ ผมจึงต้องขอให้คนไทยทุกคนใช้ชีวิตในแต่ละวัน อย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมในระดับที่สูงมากกว่าปกติ และขอให้ทำด้วยความภูมิใจว่า สิ่งที่ทุกคนทำ ทุกวัน ทุกวัน แม้จะดูเล็กน้อย แต่มีผลกับทั้งประเทศ สร้างความแตกต่างให้ประเทศไทยได้ และทุกคนได้มีส่วนช่วยกันทำให้ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าอีกหลายประเทศ ในส่วนของขบวนการนำแรงงานเถื่อนเข้าประเทศนั้น จะต้องถูกดำเนินคดี ถูกทำลายให้สิ้นซาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ หรือประชาชนที่เกี่ยวข้อง เพราะการแพร่ระบาดครั้งนี้ ตรวจพบผู้ติดเชื้อจากแรงงานต่างด้าวมากที่สุด" บางส่วนบางตอนจากคำแถลงการณ์ของ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.63 ต่อสถานการณ์ไวรัสโควิด-19ที่เกิดการระบาดรอบใหม่ ศึกครั้งนี้สำหรับรัฐบาลแล้วต้องยอมรับว่าหนักหน่วงอยู่ไม่น้อยเนื่องจากการแพร่ระบาดจาก จุดใหญ่ คือ "ตลาดกลางกุ้ง" จ.สมุทรสาคร ได้กลายเป็นคลัสเตอร์ มีผู้ติดเชื้อที่มีกิจกรรมเชื่อมโยงกับพื้นที่ดังกล่าว กระจายออกไปตามจังหวัดต่างๆอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. วันนี้ (24 ธ.ค.63) ต้องรอลุ้นว่ารัฐบาลจะประกาศ มาตรการรับมืออย่างไรออกมา ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะวางมาตรการเพื่อรับมือในช่วงนี้ ไปจนถึงปีใหม่ เบื้องต้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ ก่อนวันประชุม ศบค.ว่าอาจจะกำหนดพื้นที่ทุกจังหวัดให้เป็นสีต่างๆ จากนั้นจะออกมาตรการเฉพาะเจาะจงลงไป ว่าอะไรทำได้ และไม่ได้บ้าง ! เมื่อเวลานี้การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด คือเรื่องเร่งด่วน มีความสำคัญเป็นอันดับแรก ดังนั้นความวุ่นวาย ความขัดแย้งทางการเมืองไปจนถึงการปลุกกระแสเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน จึงไม่ใช่ประเด็นที่ดึงดูดความสนใจ หรือปลุกให้ม็อบราษฎร ตลอดจนแกนนำจะขยับ หรือออกมาเคลื่อนไหว แต่อย่างใด ยิ่งเมื่อความพ่ายแพ้ของ "คณะก้าวหน้า" ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธาน ได้ตอกย้ำว่า เสียงส่วนใหญ่ของคนทั่วประเทศ "ไม่เอาด้วย" จึงทำให้คณะก้าวหน้าไม่มีผู้สมัคร ฝ่าด่านสนามเลือกตั้ง อบจ.ผ่านเข้ามาได้เลยสักคน ความพ่ายแพ้จากสนามเลือกตั้งอบจ. ได้สะท้อนให้ทั้งธนาธร ไปจนถึงม็อบราษฎรและแนวร่วมได้เห็นชัดเจนแล้วว่า การเดินทาง การเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นไม่ต่างไปจากการเดินหน้าไปเพียงลำพัง แตกต่างจากความจำเป็น และความสำคัญ ของพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล ที่จะต้องกระโดดเข้ามา "กุมบังเหียน" ขับเคลื่อนให้ทุกอย่างเดินไปข้างหน้าให้ได้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ต้องอาศัยกลไกของรัฐ ตลอดจนทุกเครื่องมือ ที่อยู่ภายใต้การขับเคลื่อนของรัฐบาล เป็นสำคัญ ในห้วงเวลานี้ จึงจะเห็นได้ว่า นอกจากม็อบจะอ่อนแรงแล้ว บรรดาแกนนำยังพากันเดินขึ้น-ลง สน. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา รวมทั้งบางราย ได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถูกควบคุมตัวไปเรียบร้อยแล้ว โอกาสนี้ คือโอกาสทองที่จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้พลิกบทกลับมาเป็นตัวเอก สู้กับโควิด ที่ระบาดรอบใหม่ นั่นเอง !