การออกมาแถลงข่าวขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน ที่เทคะแนนให้กับผู้สมัครของ “พรรคเพื่อไทย” จนทำให้พรรคได้ “นายกอบจ.” ด้วยกัน 10 ที่นั่ง ภายหลังจากเสร็จสิ้นศึกในสนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา อาจเป็นเพียง “บทบาท” ที่ต้องแสดง เพราะลึกๆแล้ว สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย อยู่ในอาการไม่สู้ดีนัก !
“พรรคเพื่อไทยมีความพอใจเป็นอย่างยิ่งกับผลการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อวันที่ 20 นวาคมที่ผ่านมา แม้ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ โดยพรรคได้ส่งผู้สมัคร 25 จังหวัด ได้รับชัยชนะรวม 9 จังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน คือ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน อุดรธานี อุบลราชธานี ยโสธร มุกดาหาร
และอีก 1 จังหวัดที่พรรคไม่ได้ส่งในนามพรรค แต่อนุญาตให้ใช้โลโก้หาเสียง คือ สกลนคร ต่างได้รับชัยชนะเช่นเดียวกัน
ในส่วนของภาคกลาง ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย มีความตั้งใจและทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ และเป็นครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครในนามพรรค แม้จะไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่ถือว่าเราได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีความยินดีกับประชาชนที่ได้เลือกตั้งท้องถิ่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีหลังเกิดรัฐประหาร”
“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะแม่บ้านของพรรค แถลงข่าวขอบคุณประชาชนเมื่อวันที่ 21ธ.ค.ที่ผ่านมา
สนามเลือกตั้งสมาชิกและนายกอบจ.รอบนี้ มีความสำคัญต่อการเมืองสนามใหญ่ไม่น้อย เพราะทางหนึ่งคือการสะท้อน “กระแส” จากพี่น้องประชาชน ว่าคิดอย่างไรต่อพรรคการเมืองนั้น ๆและอีกทางหนึ่งคือการสะท้อนได้ว่า แต่ละพรรค แต่ละกลุ่ม ขั้วการเมืองนั้น อ่านโจทย์ออกมากน้อยแค่ไหน
สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้วน่าสนใจว่า เกิดปัญหาความขัดแย้งกันตั้งแต่ยังไม่ถึงวันเปิดสนามอบจ.ด้วยซ้ำ เมื่อ “ลูกน้องเก่า” ทั้ง “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ยกคณะพากันลาออกจากพรรคเพื่อไทย โดยไม่มีเหลือสถานะใดๆแล้ว
ยังเกิดศึกระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะเจ้าของพรรคตัวจริง ที่ผนึกกำลังกับ “ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” และ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” น้องสาวทั้งสองคน เปิดหน้าตอบโต้กับ “ลูกน้องเก่า” อย่าง “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธานปช. อย่างดุเดือด
เมื่อทักษิณ และยิ่งลักษณ์ -เยาวภา ประกาศตัวหนุน “พิชัย เลิศพงศ์อดิศร” หรือสว.ก๊อง ที่ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ถึงขนาดที่ว่า อดีตนายกฯทักษิณ ลงทุนทั้งเขียนจดหมายด้วยลายมือ และอัดคลิปพูดคำเมืองเพื่อขอคะแนนจากพี่น้องชาวเชียงใหม่
ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ และจตุพร หนุน “บุญเลิศ บูรณุปกรณ์” ให้ได้นั่งนายกอบจ. ในฐานะแชมป์เก่า
ที่สุดแล้วสว.ก๊อง เป็นฝ่ายชนะบุญเลิศ ได้เป็นนายกอบจ.เชียงใหม่ คนใหม่ด้วยคะแนน 421,426 คะแนน ส่วนบุญเลิศ ได้ 353,010 คะแนน
คะแนนที่สว.ก๊องเอาชนะแชมป์เก่า ห่างกันกว่า6 หมื่นแต้มนั้น ต้องแลกมาด้วยการที่ “3อดีตนายกฯ” ทั้ง ทักษิณ ,ยิ่งลักษณ์ และเยาวภา ภริยาของ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกฯ ต่างต้องออกแรง ใช้พละกำลังชนิดที่เรียกว่าทุ่มกาย ลงทุนทุกทางอย่างหนัก
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว หากทักษิณ และตระกูลชินวัตร มีความขลังมากพอ คงไม่ต้องออกหน้ามารบกับ “อดีตลูกน้องเก่า” อย่าง จตุพร ด้วยซ้ำ
และเมื่อส่องไปยัง จังหวัดที่พรรคเพื่อไทยประกาศชัยชนะ อีก 9 จังหวัดก็ยังพบว่า แท้จริงแล้ว เป็นการ “รักษาฐานเสียง”ของกลุ่มตระกูลเก่า ในแต่ละจังหวัดต่างหาก โดยที่ไม่เกี่ยวข้องหรืออาศัย กระแสของตัวทักษิณ และพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด
ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดลำปาง ที่ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร แม้จะลงสนามในนามพรรคเพื่อไทย แต่ตระกูลโล่ห์สุนทร คือกลุ่มอำนาจเก่าในลำปางอยู่แล้ว
เช่นเดียวกับที่จ.ลำพูน เมื่อ “อนุสรณ์ วงศ์วรรณ” ผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทย เองก็ต้องไม่ลืมว่า ตระกูลการเมือง เมืองลำพูน ก็คือตระกูลวงศ์วรรณ ดังนั้นกระแสของทักษิณ และพรรคเพื่อไทย จึงแทบไม่มีผลใดๆ
ด้วยเหตุนี้ จึงหมายความว่าในความเป็นจริงแล้วพรรคเพื่อไทย ของอดีตนายกฯทักษิณ อยู่ในสภาพที่เสียหาย อย่างหนัก เพราะนายกอบจ.คนใหม่ ที่ระบุตัวเลข10 ที่นั่งนั้น ก็ยังไม่ใช่เสียทั้งหมด