แสงไทย เค้าภูไทย
เกมปรองดองของคสช.ใกล้ปิดแล้ว เมื่อหัวโจกคู่กรณีม็อบแดง-เหลือง พากันเข้าคุกเป็นแถว ยังอยู่แต่ม็อบนกหวีดที่รอคิวขึ้นศาลคดีกบฏ เชื่อว่าหมดตัวแกนนำแล้ว ม็อบจะลด แถวที่ 2 -3-4 ไม่เข้มเท่าพวกอยู่ในคุก
จะยังมีหลงเหลืออยู่ก็แต่กองเชียร์ตามสื่อออนไลน์และสื่อหลักบางสำนัก ที่จะต้องตามเก็บสงบปากสงบคำ เพราะแรงยุแรงยั่ว เป็นตัวก่อความขัดแย้งที่สำคัญเช่นกัน
คู่พิพาทการเมืองของไทยวันนี้ไม่ต่างจากพฤติกรรมสุนัขกัดกัน บางคู่กัดกันไม่ยอมเลิกรา กัดกันจนปากแหว่ง หูขาดเลือดสาดก็ยังไม่เลิก
วิธีแยกสุนัขกัดกันนั้น ตัวเจ้าของหมาจะไม่เข้าไปดึง หรือใช้ไม้หรือวัสดุใดเข้าแยก เพราะเคยมีบทเรียนกันบ่อยๆ ที่เอาไม้พายไปขวาง ใบพายยังถูกกัดแหว่ง
ชาวบ้านจึงใช้วิธีเอาน้ำสาดใส่ปากและจมูกทั้งคู่ พอมันสำลักน้ำ มันก็จะอ้าปากหายใจ ปากจะหลุดจากกัน เจ้าของสุนัขทั้งคู่จะต้องฉวยจังหวะนี้ รีบเอาโซ่หรือเชือกคล้องคอลากออกมาจากลานต่อสู้
เมื่อคล้องคอได้ จะต้องแยกไปขังกรงเดี่ยว หรือล่ามโซ่ไว้ตัวละเสาเรือน จนกว่ามันจะคลายอารมณ์ร้อน อารมณ์แค้น ลืมความเป็นอริกันแล้ว กลับมากินข้าวรางเดิมกันได้
การกัดกันของสุนัขลักษณะนี้ พอจะเอาไปเปรียบกับการปะทะ ห้ำหั่นกันทางการเมืองที่เพิ่งถูกคสช.แยกขาดจากกันเมื่อปี 2557ได้
วันนี้ คู่กัดทางการเมืองทยอยเข้าคุกกันไปเป็นแถวๆ คล้ายสุนัขถูกจับขังกรงหรือล่ามโซ่ไว้ตัวละเสาเรือน
แต่จะให้ลืมเหตุขัดแย้งที่ทำให้ต้องต่อสู้กันง่ายๆ คงจะยากหรือช้านาน เพราะความทรงจำของมนุษย์นั้น ยาวนาชนิดจำกันจนตาย
จึงต้องกำจัดหรือป้องกันเหตุปัจจัยเดิมๆ มิให้เกิดบรรยากาศขัดแย้งเช่นนั้นขึ้นมาจนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องกัดกันเหมือนสุนัขอีก
หลังจากเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีกันเป็นปีๆ ช่วงนี้ มีคำตัดสินชั้นอุทธรณ์และฎีกากันแล้วหลายคดี
คู่กัดแรก แนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.)กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) มีผู้ถูกพิพากษาจำคุกหลายคน
หลังสุดเมื่อวันจันทร์ แกนนำพธม. 6 คนถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกกันคนละ 8 เดือนไม่รอลงอาญาในข้อหาบุกยึดทำเนียบรัฐบาล
ก่อนหน้านั้น 4 วัน เมื่อ 20 ก.ค.60 ได้มีคำพิพากษาของศาลฎีกา กลับคำตัดสินยกฟ้องของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นจำคุก 1 ปี นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.ในข้อหาปราศรัยหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นผู้สั่งฆ่าประชาชนกรณีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553
เมื่อปื 2558-59 นายอริสมันต์พงษ์เรืองรองโดนจำคุกในประเด็นเดียวกัน และโดยปี 2558 ต้องคดีนำพวก 12 คนบุกล้มงานประชุอาเซียนที่พัทยา โดนไปแล้วคนละ 4 ปี
อริสมันต์กับพวก 12 คนล้วนเป็นแกนนำระดับฮาร์ดคอร์ที่สามารถปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงได้เป็นเรือนแสนไม่แพ้จตุพร
สำหรับคำพิพากษาเมื่อวันจันทร์ แกนนำ(พธม.) 6 คนนำโดย พลตรีจำลอง ศรีเมือง ข้อหานำม็อบบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีลาออกเมื่อปี 2551 ถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกคนละ 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา แต่ขอประกันตัวสู้คดีในชั้นฎีกานั้น
ในจำนวนนั้น มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล อยู่ด้วย แต่นายสนธิ ยังถูกจำคุกอยู่ในคดีกู้ยืมกับธนาคารกรุงไทย
แกนนำพธม.ยังเหลือคดีสำคัญอีกคดีคือการบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีฐานความผิดไม่ต่างจากคดียึดทำเนียบรัฐบาล
ส่วนแกนนำกปปส. ที่โดนคดีกบฏ กรณีชุมนุมกดดันให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกช่วงปี 2556-2557 โดยได้มีการบุกยึดและปิดสถานที่ราชการหลายแห่งหลายกระทรวงและขัดขวางการเลือกตั้งนั้น เพิ่งสืบพยานโจทก์นัดแรกเมื่อ 15 พ.ย. 59 นี้เอง
ถ้ายึดเอาระยะเวลาในกระบวนการพิจารณาคดีพธม.บุกทำเนียบ ปี 2551 เป็นเกณฑ์ ที่เพิ่งถึงชั้นศาลอุทธรณ์แล้ว คดีกบฏ กปปส.ก็น่าจะไปตัดสินเอาปี 2566-67
เพราะคดีนี้มีผู้ต้องหาถึง 58 คนรวมถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานกปปส.และพระพุทธะอิสระ
แต่กระนั้นแกนนำกปปส.ที่ถูกดำเนินคดีเหล่านั้น ก็ยังต้องอยู่ภายใต้คำสั่งศาล มิให้เคลื่อนไหว กระทำการใดๆที่เป็นการก่อความไม่สงบอีก
ส่วนคดีรับจำนำข้าวที่เป็นนโยบายประชานิยมสุดขั้วของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะอ่านคำพิพากษาในวันที่ 28 สิงหาคม นี้
จะเป็นอีกคดี ที่บรรดาพลพรรคเสื้อแดงกังวลกันมากว่า อดีตนายกรัฐมนตรียิ่
ลักษณ์จะถูกตัดสินจำคุก และยึดทรัพย์
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิด เมื่อทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว อำนาจศาลสามารถจำกัดพฤติกรรมและความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ส่อให้เกิดความขัดแย้ง ความไม่สงบและประทุความขัดแย้งซ้ำรอยเดิมขึ้นมาได้อีก
เปรียบไปก็เสมือนสุนัขคู่กัด ที่ถูกแยกจากกันไปขังเดี่ยวตัวละกรง หรือล่ามโซ่ไว้คนละเสาเรือน
หากยังคุ่นแค้นกันอยู่ ก็ยังสามารถเห่ากรรโชกกันได้ แต่กัดกันไม่ได้
โอกาสที่จะกัดกันเหมือนช่วงที่ปะทะกันซึ่งหน้านั้นคงจะไม่มี
หากจะมีการเลือกตั้งในปีหน้าตามโรดแม็พ ก็คงจะเหลือแต่บรรดาแถวที่สอง แถวที่สาม ของแต่ละขั้วการเมืองเท่านั้นที่จะลงสนาม
พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเข็ดหลาบจากการที่ทำตัวเป็นตาอินกับตานา ทะเลาะกันแย่งหัวปลา-หางปลา
ท้ายสุดตาตู่คว้าพุงปลาไปกิน เอาไปกินเกือบ 4 ปี เท่ากับวาระการเป็นรัฐบาล 1 วาระ
หรืออาจจะถึง 2 รัฐบาล เพราะรัฐบาลรุ่นหลังรัฐประหาร 2549 อายุไม่ยืน ไม่เคยมีรัฐบาลเลือกตั้งรัฐบาลไหนอยู่เกิน 2 ปี 7 เดือนสักรัฐบาล
เลือกตั้งครั้งใหม่ ยังไม่รู้ว่าจะอยู่กันได้นานแค่ไหน
แต่เชื่อแน่ว่าการใช้ความรุนแรงเพื่อล้มล้างกันและกันระหว่าง 2 พรรคใหญ่คงจะไม่เกิดขึ้นอีก อย่างน้อยก็ 10 ปี
สำนวนตาอินกับตานาแย่งหัวปลาหางปลาแล้วตาอยู่มาคว้าพุงปลาไปกินสะท้อนถึงบทเรียนรัฐประหารครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี