ทองแถม นาถจำนง ข่าวใหญ่เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคือ น้ำแข็งในทวีปแอนตาร์คติคกำลังแตกออกเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมา ปัญหามิใช่เรื่องภูเขาน้ำแข็งนั้นใหญ่โตมาก ๆ แต่อยู่ที่มันยืนยันว่าน้ำแข็งขั่วโลกกำลังละลายเร็วขึ้น.... เมื่อน้ำแข็งละลายเป็นน้ำ น้ำนั้นมิได้หายไปไหน มันก็ไปเพิ่มปริมาณน้ำในมหาสมุทร น้ำในมหาสมุทรเพื่อมมาก ๆ เข้า มันก็ต้องท่วมแผ่นดิน..... ภูมิอากาศโลกปรวนแปร เกิดภัยธรรมชาติร้ายแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนภาวะโลกร้อนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ตอนนี้สามสี่ปีก่อนมีข่าวว่าในประเทศเวียดนาม มีหลายเมืองชายฝั่งทะเลสูญเสียพื้นที่จมน้ำไป และชาวบ้านขาดแคลนน้ำจืดเพราะน้ำทะเลรุกคืบ นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้แล้วว่า ไซ่ง่อน (โฮจิมินห์ซิตี้) และ กรุงเทพมหานคร จะจมทะเล ! กรุงรัตนโกสินทร์จะจมน้ำ ! เสียงเตือนนี้ดังมานานแล้ว แต่ไม่ค่อยมีคนใส่ใจรับฟัง ข้าพเจ้าเองเคยเขียนบทความเรื่องนี้มาหลายครั้ง มาถึงตอนนี้ ปัจจัยร้ายมันเพิ่มขึ้นอีก จนไม่ใส่ใจกันไม่ได้แล้ว 1. กรุงเทพทรุดตัวลงเรื่อย ๆ เรื่องนี้ก็รู้กันมานมนานแล้ว และก็พยายามจำกัดการใช้น้ำบาดาลกัน 2. ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เนื่องจากน้ำแข็งขั้วโลกละลายมากขึ้น 3. อาจมีพายุฝนรุนแรงมาก ๆ สองปัจจัยหลังเกิดจากภาวะโลกร้อน และที่น่าหวั่นเกรงคือ ถ้าหากเกิดปัจจัยที่สามขึ้นมา กรุงเทพจะถูกน้ำท่วมขังเป็นระยะนาน ไม่ใช่ท่วมแล้วลดลงไปอย่างในอดีต เกี่ยวกับเรื่องเมืองจมทะเลนี้ มีตัวอย่างการป้องกันที่เมืองเวนิศ กรุงเทพจะต้องทำอย่างเมืองเวนิศ นั่นคือ ไม่ให้อุตสาหกรรมขยายตัวใน กรุงเทพ และปริมณฑล ที่จะจมทะเล พลตรี ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนเล่าไว้ใน “สยามรัฐหน้า ๕” วันที่ 19 เมษายน 2516 ดังนี้ “๐บางกอกเปรียบแม้น เวียงวินิช บูรพ์ฤา แพตึกวัดสะพรั่งชิด น่านน้ำ ไทยเทสทั่วสถิต ถวัลยสุข เกษมแฮ ชลนครหลวงล้ำ แหล่งหล้าอาเซีย ๐ โคลงที่คัดมาข้างต้นนี้ เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ ได้แต่งขึ้นเป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว เปรียบเทียบกรุงเทพว่าเหมือนกับเมืองเวนิศในภาคเหนือของประเทศอิตาลี เพราะเป็นเมืองน้ำ มีแต่คลองสำหรับสัญจรไปมาโดยทั่วไป อันที่จริงกรุงเทพทุกวันนี้ก็เกือบจะเปรียบเทียบกับเมืองเวนิศไม่ได้แล้ว เพราะกรุงเทพของเรามีคลองเหลือน้อยเต็มที เนื่องด้วยถมกันไปเสียหมด จะมีเหลืออยู่ก็เพียงไม่กี่คลอง ไม่แตกต่างกับเมืองอื่น ๆ เท่าไรนัก แต่ลักษณะอื่น ๆ ของกรุงเทพยังคงเหลืออยู่มากซึ่งเหมือนกับเมืองเวนิศ ดังจะเห็นได้จากข่าวต่างประเทศต่อไปนี้ เมื่อวันที่ 13 เมษายนนี้ สภาเวเนตของอิตาลีได้ลงมติรับร่างกฏหมายที่บัญญัติให้ใช้ทุนจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากมายในการป้องกันมิให้เมืองเวนิศต้องจมลงไปในทะเล ร่างกฎหมายนี้ได้อภิปรายติดต่อกันมาเป็นเวลาถึง 2 ปีแล้วในสภาเซเนต เพิ่งจะมาผ่านเอาเมื่อไม่กี่วันมานี้ กฎหมายฉบับนี้อนุมัติให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งซึ่งจะหาได้จากต่างประเทศมาบูรณะเมืองเวนิศ เงินนี้มีจำนวนถึง 10,000 ล้านบาท เหตุที่ต้องออกกกหมายฉบับนี้และต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากถึงเพียงนี้ก็เพราะผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ถ้าหากว่าไม่ทำอย่างหนึ่งอย่างใดเลยแล้ว เมืองเวนิศก็จะจมหายไปในทะเลภายในเวลา 100 ปีนี้เป็นแน่นอน เมืองเวนิศจมลงไปในอัตรา 1 นิ้ว ทุก ๆ 5 ปี และความสกปรกโสโครกในบรรยากาศของเมืองเวนิศกำลังทำลายประติมากรรมต่าง ๆ ที่อยู่กลางแจ้ง ตลอดจนสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ซึ่งทำด้วยหินลงไปในอัตราร้อยละ 7 ต่อปี กฎหมายฉบับนี้บัญญัติให้มีการสร้างเขื่อนและประตูน้ำเพื่อรักษาระดับน้ำทะเลที่อยู่รอบเกาะเมืองเวนิศไว้ในระดับคงที่ ไม่ขึ้นสูงไปในเมืองน้ำทะเลขึ้น เป็นการป้องกันมิให้เมืองเวนิศถูกน้ำท่วมบ่อย ๆ ให้มีการต่อท่อนำน้ำสะอาดจากแผ่นดินใหญ่เพื่อมาใช้ในเมืองเวนิศซึ่งเป็นเกาะ ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้ประชาชนและอุตสาหกรรมที่อยู่ในเมืองเวนิศสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ เพราะการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้นั้นเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เมืองเวนิศกำลังจมลงไปในทะเล ให้สร้างท่อระบายสิ่งโสโครกจากเมืองเวนิศขึ้นใหม่ เพราะขณะนี้ปรากฏว่าการกระทำของมนุษย์ได้เข้าไปกีดขวางน้ำขึ้นน้ำลงวันละ 2 หน ในเมืองเวนิศซึ่งเคยทำให้เมืองเวนิศสะอาดเอง เพราะน้ำขึ้นและน้ำลงนั้นมากวาดเอาขยะออกไปจากคลองต่าง ๆ ในเวืองเวนิศตามธรรมชาติ ให้ใช้เงินทุนซ่อมแซมและสร้างบ้านเรือนราษฎรขึ้นใหม่เพื่อป้องกันมิให้ประชาชนพากันอพยพออกไปจากเมืองเวนิศ ในระยะ 20 ปีที่แล้วมา ปรากฏว่ามีคนอพยพจากเวนิศไปอยู่ที่อื่นถึง 60,000 คน นอกจากนั้น กฏหมายฉบับนี้ยังห้ามมิให้มีการขยายตัวในทางอุตสาหกรรมในเมืองเวนิศอีกต่อไป ผมได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า กฏหมาย ฉบับนี้ต้องใช้เวลาพิจารณาในรัฐสภาถึง 2 ปีเต็ม เพราะมีผู้คัดค้านกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักอุตสาหกรรมต่าง ๆ ผู้ซึ่งต้องการที่จะขยายอุตสาหกรรมออกไปในเมืองเวนิศและบริเวณที่ใกล้เคียง เสียงจากรัฐสภาของอิตาลีบอกว่า เมื่อกฎหมายได้ผ่านแล้ว และจะออกบังคับใช้การต่อสู้อันแท้จริงก็จะเริ่มขึ้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เพราะการใช้จ่ายเงินจำนวนมากที่จะบูรณะเมืองเวนิศนี้ จะต้องมีกรมกองราชการ สำนักงานต่าง ๆ ตลอดจนหน่วยการปกครองท้องถิ่นเป็นจำนวนมากมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สิ่งที่จะต้องต่อสู้ป้องกันก็คือการรั่วไหลและความทุจริตต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ส่วนใหญ่ของเงินจำนวนมากนี้ไปอยู่ในกระเป๋าของคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ถ้าป้องกันเหตุนี้ไม่ได้แล้ว การใช้เงินเพื่อรักษาเมืองเวนิศไว้ก็จะไม่ได้ผลเต็มที่ เมืองเวนิศก็จะจมหายไปในทะเลต่อไป ดังที่ผู้เชี่ยวชาญได้ตาดไว้ ก็ตอนท้ายนี่แหละครับ ที่ทำให้เมืองเวนิศตะวันออกและเมืองเวนิศตะวันตก มีลักษณะละม้ายคล้ายคลึงกันอยู่มาก” ...................................... กรุงเทพรองรับอุตสาหกรรมมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว หยุดเถอะครับ...........