สถานการณ์การชุมนุมในช่วงที่ผ่านมาของกลุ่มนักศึกษาและประชาชน เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ตามจุดต่างๆในย่านธุรกิจ ใจกลางเมืองหลวง และจังหวัดต่างๆ
คู่ขนานไปกับจังหวะการถอยร่นของฝ่ายรัฐบาล ในความพยายามดึงการเมืองกลับเข้าสู่สมรภูมิรัฐสภา ด้วยการพูดจากันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการปล่อยตัวแกนนำบางส่วนออกมา
อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ ยังมีข้อที่น่าคิดพิจารณาอยู่มาก โดยเฉพาะข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษาและประชาชน จะนำไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงของสังคมไทยหรือไม่ หรือสุดท้ายจะเป็นเพียงฝุ่นในสายลมที่พัดผ่านไป
“สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์”(ป.อ.ปยุตโต) จากบทความเรื่อง “ประชาธิปไตย อย่าให้ไร้ความหมาย” ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือ “มองธรรมถูกทาง มีสุขทุกที่”(มกราคม 2551) มานำเสนอดังนี้
"...สภาพผุโทรมของสังคมอย่างนี้ เป็นมูลเหตุอยู่เบื้องหลังวิกฤติร้อนที่เรากำลังเผชิญอยู่ มันเป็นวิกฤติทางสังคมที่ยืดเยื้อ และเป็นวิกฤติที่ลึกลงไปในชีวิตจิตใจของคน มันเป็นวิกฤติแห่งคุณภาพของคน
ทั้งที่สภาพเหล่านี้เกาะกินสังคมของเราอย่างหนัก แต่มันก็ถูกละเลย อย่างดีก็แค่แตะปัญหากันอย่างผ่านๆ ผิวเผิน ปล่อยให้มันสะสมตัวจนกลายเป็นวิกฤตลึกที่แก้ไขได้ยาก
วิกฤติร้อนให้สติแล้ว จงตื่นขึ้นมาจากวิกฤติลึก ให้สังคมไทยมีชัยที่แท้
เหตุการณ์ร้ายทั้งหลายที่เกิดขึ้นมา น่าจะกระตุกเตือนคนไทยให้ได้สติและเจริญปัญญา
แทนที่จะมัวรุนแรงกันการทะเลาะเบาะแว้ง ควรเข้มแข็งในการที่จะสร้างสรรค์ และมันก็เป็นเรื่องที่เริ่มได้ตั้งแต่บัดนี้ขณะที่กำลังทุ่มตัวแก้ไขวิกฤติร้อนกันอยู่ เราก็แก้วิกฤติลึกที่เป็นฐานด้วย เท่ากับให้สังคมแก้ปัญหาทั้งวิกฤติร้อนและวิกฤติลึกไปพร้อมกัน
ไม่ช้านานนักวิกฤติร้อนจะต้องจบลง แล้วไม่ว่าเมืองไทยจะมีรัฐบาลใดวิกฤติลึกก็จะยังคงอยู่ แล้วเราก็จะต้องเดือดร้อนกับมันต่อไป
บางรัฐบาล แม้ในยามปกติ ก็อาจจะคิดจะทำการโดยไม่แยบคาย แล้วเสริมเติมวิกฤติลึกให้ซ้ำหนักลงไปอีก
ถ้ายังไม่มีการแก้ไขวิกฤติลึกนั้นอย่างจริงจัง มันก็จะนำเราไปสู่วิกฤติร้อนครั้งใหม่ ทำให้สังคมหมุนเวียนอยู่ในวงจรบาป
ถึงจะมีวันที่พูดได้ว่าวิกฤติร้อนจบแล้วประชาธิปไตยฟื้นคืนมา แต่ถ้าวิกฤติลึกยังอยู่ เราจะมีประชาธิปไตยที่น่าภูมิใจได้จริงหรือ มันจะเป็นเพียงประชาธิปไตยคุณภาพต่ำของสังคมที่เป็นเหยื่อในโลกแห่งทุนนิยมที่ถูกซัดพาลอยไปในกระแสโลกาภิวัตน์เป็นสังคมที่ถูกกระทำ ไม่สามารถเป็นผู้นำที่มีอะไรให้แก่อารยธรรมโลก
ใส่ใจที่จะแก้ไขปัญหาและเข้มแข็งในการสร้างสรรค์จริง ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล คนไทยจะต้องเรียกร้องแนะนำอย่างจริงจัง ให้รัฐและให้สังคมต้องมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาวิกฤติลึกนี้
จะต้องเรียกร้องและเร่งรัดให้มีการพัฒนาคุณภาพคนไทยอย่างจริงจัง ที่จะช่วยให้สังคมไทยไม่ต้องมาหวาดหวั่นเสี่ยงภัยกับปัญหาวิกฤติร้อนซ้ำซาก กับทั้งให้สามารถมีความภูมิใจมั่นใจในประเทศชาติของตน มีสังคมที่เจริญมั่นคง อันเอื้อต่อการพัฒนาของชีวิตจิตปัญญา โดยมีประชาธิปไตยที่ควรแก่ความหมายอย่างแท้จริง”