ทุกปีในช่วงเทศกาลกินเจ ภาพที่เจนตาคือประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนจะนุ่งขาวห่มขาว ถือศีล ละเว้นเนื้อสัตว์ และงดรับประทานผักที่มีกลิ่นฉุน ปัจจุบันการกินเจ ได้รับความนิยมแพร่หลายไม่เฉพาะคนไทยเชื้อสายจีนเท่านั้น อีกทั้งบางส่วนก็นิยมกินเจเพื่อสุขภาพ และขจัดสารพิษออกจากร่างกายด้วย
สำหรับเทศกาลกินเจปีนี้เริ่มมาตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 17 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา และจะไปสิ้นสุดเอาตอนเย็นของวันที่ 25 ตุลาคม 2563 ขณะที่บางส่วนก็จะเริ่มกินเจกันตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 ซึ่งบรรดาร้านรวงต่างๆ พากันปักธงสัญลักษณ์เจกันเหลืองอร่าม
กระนั้น ในแง่เศรษฐกิจ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกรายงานคาดการณ์ว่า ในช่วงเทศกาลกินเจปี 2563 คนกรุงเทพฯ จะมีเม็ดเงินค่าใช้จ่ายตลอดช่วงเทศกาลคิดเป็นมูลค่า 3,930 ล้านบาท ลดลง 17.4% เมื่อเทียบกับเทศกาลกินเจปีก่อน เนื่องจากจำนวนผู้เข้าร่วมที่ลดลง ขณะที่คนเข้าร่วมบางส่วนก็ปรับพฤติกรรม โดยควบคุมค่าใช้จ่ายลง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังมองว่าโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการกินเจของคนกรุง แต่ยังคงมีบางกลุ่มที่จะอาศัยช่วงเวลานี้ หันมาเพิ่มการกินเจเพื่อสะสมบุญ ได้แก่ กลุ่มคนวัยทำงานหรือที่มีกิจการส่วนตัว อายุ 40-44 ปีขึ้นไป จึงถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการอาหารเจ ในช่วงที่ภาพรวมการกินเจไม่คึกคักมากนัก แต่ผู้ประกอบการอาจต้องนำเสนออาหารเจที่มีราคาไม่สูง เนื่องจากกลุ่มนี้มีการควบคุมค่าใช้จ่าย โดยให้น้ำหนักต่อปัจจัยด้านราคาค่อนข้างสูงกว่ากลุ่มอื่น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า กลยุทธ์การตลาดสำหรับผู้ประกอบการอาหารเจในปีนี้ นอกจากการบริหารระดับราคาอาหารเจให้มีความแตกต่างกับอาหารทั่วไปไม่มาก รวมถึงไม่แตกต่างกับราคาของปีก่อนโดยเปรียบเทียบ เพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจและกำลังซื้อแล้ว ผู้ประกอบการควรปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับกลุ่มคนกินเจดั้งเดิม และกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีพฤติกรรมการกินเจที่แตกต่างกัน เพื่อเข้าถึงความต้องการผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ ได้มากขึ้น
โดยที่ผ่านมา เทศกาลนี้ได้รับการตอบรับทั้งจากผู้บริโภคดั้งเดิม กลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนที่กินเจเพื่อลดละการบริโภคเนื้อสัตว์ ตามบรรพบุรุษ ขณะเดียวกัน รวมถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หันมากินเจเพื่อสุขภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว รวมถึงประชาชนบางกลุ่มยังคงมีความกังวลผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อยู่ จึงเป็นปัจจัยที่กระทบต่อพฤติกรรมการกินเจ และลดทอนบรรยากาศการกินเจที่อาจไม่คึกคักเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ
อีกด้านหนึ่ง ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เปิดผลผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ พบว่า 60% ระบุว่า ไม่กินเจ ด้วยเหตุผลเศรษฐกิจไม่ดี และผู้สำรวจส่วนใหญ่มองว่ากินเจปีนี้จะไม่คึกคัก ด้วยเหตุผลเชื่อว่าคนทั่วไปกังวลโควิด-19, ภาวะเศรษฐกิจ ไม่ดี, กังวลหนี้สิน และห่วงรายได้อนาคตและการเลิกจ้าง คาดว่าจะมียอดใช้จ่ายรวมในเทศกาลกินเจปีนี้ 46,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% จากปี 2562 ถือขยายตัวต่ำสุดในรอบ 13 ปีนับตั้งแต่ปี 2551
ถึงแม้บรรยากาศกินเจจะไม่คึกคักเหมือนปีที่ผ่านๆมา แต่สิ่งสำคัญ แม้ใครไม่มีโอกาสได้กินเจในช่วงเทศกาลนี้ แต่หากมุ่งมั่นรักษากาย วาจา ใจและให้สะอาดบริสุทธิ์ เหมือนดังชุดขาวที่สวมใส่ ก็ขออนุโมทนาบุญด้วย