สถาพร ศรีสัจจัง
การแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 45 หรือ “สงขลาเกมส์” จบลงแล้วด้วยดี เจ้าภาพปั่นเครดิตเหรียญทองด้วย “วิธีวิทยา” ต่างๆ จนได้เป็นลำดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานครที่เป็น “เจ้าเหรียญทอง” มาโดยตลอด งานนี้ใครๆก็ว่ากันว่า นอกจาก “เจ้าเมืองทรงพลฯคนสะบ้าย้อย” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาและคุณนิพนธ์ บุญญามณี นายกอบจ.สงขลาแล้ว ยังมีใครอีกหลายคนที่แฝงตัวอยู่ในเบื้องหลังความสำเร็จในการจัดงานใหญ่ระดับชาติครั้งนี้
หนึ่งในนั้นน่าจะเป็น “ศุภักษร” หรือ คุณศุภวัฒน์ จงศิริ อดีตนักเขียนชุด “รักๆนักศึกษา” อันลือนามเมื่อช่วง 3-4ทศวรรษก่อน ที่ภายหลังผันตัวเองมาเป็นผู้สร้างและผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของเมืองไทย และท้ายสุดคือเจ้าของบริษัทรับงานอีเว้นท์สำคัญๆระดับชาติ โดยเฉพาะงานเปิด-ปิดกีฬาแห่งชาติหลายครั้งหลายหน
ครั้งนี้ก็เช่นกัน งานพิธีเปิด-ปิดกีฬาแห่งชาติที่สงขลาเป็นฝีมือการออกแบบและกำกับโดย “ศุภักษร” แบบเพียวๆ
ชาวบ้านที่สงขลาไม่น้อยสะท้อนเสียงเกี่ยวกับพิธีเปิด-ปิดกีฬาแห่งชาติครั้งนี้(โดยเฉพาะพิธีเปิด)ว่าทำได้อยู่ในระดับดีแบบน่าพอใจ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะสามารถจัดความสัมพันธ์ระหว่าง เนื้อหา(เรื่องราว) เทคนิค และการเลือกบุคลากรมาสวมบทได้อย่างค่อนข้างลงตัว ทำให้งาน “มีน้ำมีเนื้อ” กล่าวคือ ไม่มีแต่ความอลังการด้านเทคนิคล้วนๆ แต่มีเนื้อหาสาระเรื่องราวที่เข้มข้นมีคุณค่าด้วย!
ที่สำคัญคือผู้จัดสามารถผสมผสานความเป็นท้องถิ่นกับสากลเข้าด้วยกันโดยใข้ “ศิลปะ” หลากสาขามาเป็น “เครื่องสื่อ” ไปสู่ “มวลชนผู้รับสาร” ได้อย่างมีพลังและตรึงตาตรึงใจ
ทั้งศิลปะแบบขนบนิยมพื้นบ้าน( Traditional Local Arts) และศิลปะร่วมสมัย( Contemporary Arts)
ที่จริงกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬาฯกับกระทรวงวัฒนธรรมน่าจะคิดเรื่องพวกนี้อย่างจริงๆจังๆนานมาแล้ว ว่างานต่างๆทีสำคัญๆของชาติควรจะสร้างโอกาสให้ศิลปินทุกสาขาได้หลอมรวมผลงานร่วมแสดงด้วยในลักษณะที่เป็นการ “โชว์” อย่างได้รับการออกแบบโดยมืออาชีพ
มรดกของชาติด้านศิลปะทั้งด้านทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ และศิลปะการแสดง นั้นอยู่ในคน การสร้างสรรค์และสืบสานหรือการส่งเสริมเรื่องราวเหล่านี้ควรจะต้องสัมพันธ์กับสภาพชีวิตและสังคมที่เป็นจริง ไม่ใช่แยกงานศิลปะออกจากมวลชนให้ไปอยู่บนหิ้ง ในห้องสมุด ในมหาวิทยาลัย ในหอศิลป์ หรือโรงหนังโรงละครอย่างที่ทำกันมาจนคุ้นชินในชั้นหลัง
บทเรียนที่หลายใครถอดได้ร่วมกันจากงานเปิด-ปิดกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 45 ที่สงขลาครั้งนี้นับเป็นเรื่องสำคัญ สรุปง่ายที่สุดก็คือ ถ้าต้องการให้งานสร้างสรรค์ด้านศิลปกรรมทั้งหลายเป็น “ทุน” ที่สำคัญของชาติ ต่อไป ก็คงมีความจำเป็นต้องหาที่ทางให้งานศิลปะทั้งหลายได้ก่อบทบาทร่วมไปกับกิจกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับ “มวลชน” ให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถออกแบบได้อย่างกลมกลืน
งานกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 46 คราวหน้าที่เชียงราย คงมีการ “สำแดงศิลป์” ได้มากกว่าที่สงขลาคราวนี้แน่ เพราะแค่การมา “รับธง” จากสงขลา-เชียงรายภายใต้การนำของท่านศิลปินแห่งชาติลือนาม คืออาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ก็เหมาลำเครื่องบินนำศิลปินน้อยใหญ่มาสำแดงให้เห็นแบบ “สะพรึ่บสะพรั่งณหน้าและหลังณซ้ายและขวา” เต็มสนามติณสูลานนท์เมืองสงขลาแล้วนั่นไง!!