วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี ตรงกับวันคล้ายวันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นอีกวันที่พสกนิกรชาวไทยพร้อมใจกันสวมเสื้อเหลือง และจัดกิจกรรมเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณทั่วประเทศ
กระนั้นในช่วงที่บรรยากาศบ้านเมืองในตอนนี้ มีความอึมครึมโดยเฉพาะการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ของกลุ่มประชาชนปลดแอก ทำให้คนไทยหวนระลึกถึงถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ในการคลี่คลายวิกฤติทางการเมืองเมื่อปี “พฤษภาทมิฬ”
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษ อันเชิญกระแสพระราชดำรัสเหนือเกล้าฯ ให้พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อรับกระแสพระราชดำหริในวันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535
“สยามรัฐ”จึงขออันเชิญพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานแก่คณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ได้แก่ศ. สัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี และพล.อ.เปรม พล.อ.สุจินดาและพล.ต.จำลอง โดยเทปบันทึกภาพเหตุการณ์ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในเวลา 24:00 น.ของคืนวันเดียวกัน ความว่า
“คงเป็นที่แปลกใจ ทำไมถึงเชิญให้ท่านมาพบกันอย่างนี้ เพราะว่าทุกคนก็ทราบว่า เหตุการณ์มีความยุ่งเหยิงอย่างไร และทำให้ประเทศชาติล่มจมได้ แต่ที่จะแปลกใจก็อาจมีว่า ทำไมเชิญพลเอกสุจินดา คราประยูร และ พลตรีจำลอง ศรีเมือง เพราะว่า อาจมีผู้ที่แสดงเป็นตัวละครมากกว่านี้ แต่ว่าที่เชิญมาเพราะว่า ตั้งแต่แรกที่มีเหตุการณ์ สองท่านเป็นผู้ที่เผชิญหน้ากัน แล้วก็ในที่สุด เป็นการต่อสู้ หรือการเผชิญหน้ากว้างขวางขึ้น ถึงได้เชิญ 2 ท่านมา
การเผชิญหน้าตอนแรก ก็จะเห็นจุดประสงค์ของทั้ง 2 ฝ่ายได้ชัดเจนพอสมควร แต่ต่อมาภายหลัง 10 กว่าวัน ก็เห็นแล้วว่า การเผชิญหน้านั้น เปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างมาก จนกระทั่งออกมาอย่างไรก็ตาม เสียทั้งนั้นเพราะว่า ทำให้มีความเสียหาย ในทางชีวิต เลือดเนื้อของคนจำนวนมากพอสมควร แล้วก็ความเสียหายทางวัตถุ ซึ่งเป็นของส่วนราชการ และส่วนบุคคลเป็นมูลค่ามากมาย นอกจากนี้ก็มีความเสียหายในทางจิตใจ และในทางเศรษฐกิจของประเทศชาติ อย่างที่จะนับพรรณนาไม่ได้ ฉะนั้นการที่จะเป็นไปอย่างนี้ต่อไป จะเป็นเหตุผลหรือต้นตออย่างไรก็ช่าง เพราะเดี๋ยวนี้เหตุผลเปลี่ยนไป ถ้าหากว่าเผชิญหน้ากันแบบนี้ต่อไป เมืองไทยมีแต่ล่มจมลงไป แล้วก็จะทำให้ประเทศไทย ที่เราสร้างเสริมขึ้นมาอย่างดี เป็นเวลานาน จะกลายเป็นประเทศที่ไม่มีความหมาย หรือมีความหมายในทางลบเป็นอย่างมาก ซึ่งก็เริ่มปรากฏผลแล้ว ฉะนั้นจะต้องแก้ไข โดยดูว่ามีข้อขัดแย้งอย่างไร แล้วก็พยายามที่จะแก้ไขตามลำดับ เพราะว่าปัญหา ที่มีอยู่ทุกวันนี้ สองสามวันนี้มันเปลี่ยนไป ปัญหาไม่ใช่เรื่องของเรียกว่าการเมือง หรือเรียกว่าของการดำรงตำแหน่ง เป็นปัญหาของการสึกหรอของประเทศชาติ ฉะนั้นจะต้องช่วยกันแก้ไข”