ดูเหมือนว่าบรรดา "บิ๊ก" ในรัฐบาล ไม่ได้แสดงความวิตกกังวลใดๆ ต่อการเคลื่อนไหว ชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 14ต.ค.นี้ เพื่อต่อต้านรัฐประหาร ขับไล่รัฐบาลของ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ล่าสุด "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุกับสื่อสั้นว่า "ไม่ต้องห่วง เราเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว"
ขณะที่ แกนนำม็อบกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม , กลุ่มเยาวชนปลดแอก และแนวร่วมในชื่อกลุ่มต่างๆ กำลังพยายามที่จะ "ปลุกม็อบ" ให้อยู่ในโหมดฮึกเหิม โดยอาศัยเหตุการณ์รำลึก 6 ตุลา เปิดประเด็นพาสังคมย้อนกลับไปถึงวันประวัติศาสตร์ทางการเมือง ในปี2514 และ 2519 สะท้อนภาพแห่งความสูญเสีย และความขัดแย้ง ระหว่าง ประชาชน+นักศึกษา กับ ฝ่ายเผด็จการ
ทั้ง "รุ้ง" ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ออกมากวักมือเรียกเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้มาร่วมชุมนุมใหญ่ 14 ต.ค.นี้ โดยประกาศว่าในการชุมนุมครั้งนี้ประเด็นหลักๆคือการขับไล่รัฐบาล และเรื่องที่เกี่ยวกับ "สถาบัน"
"อยากให้ทุกคนเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม และงานนี้อาจจะหนัก จึงอยากให้เตรียมมาให้พร้อม เพราะครั้งนี้อยากให้ทุกอย่างจบอย่างที่ทนายอานนท์ นำภา บอกไว้ว่าเดือน ต.ค.นี้ม้วนเดียวจบ หากใครเห็นด้วยกับทางกลุ่มก็ขอให้ออกมาในวันที่ 14 ต.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และคิดว่าจะเป็นการชุมนุมยืดเยื้อ แต่ยังตอบรายละเอียดรูปแบบไม่ได้" (7 ต.ค.63)
อย่างไรก็ดี ปัญหาของการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ในความเป็นจริงแล้วอาจต้องเผชิญหน้ากับ "เงื่อนไข" หลายทาง ที่อาจส่งผลในทางที่เป็น "ลบ" ไม่เอื้อที่จะทำให้ม็อบปลดแอก ครั้งนี้ยกระดับไปสู่การต่อสู้ชนิดที่เรียกว่า "ม้วนเดียวจบ" !
ทั้งปัจจัยภายในจากกลุ่มผู้ชุมนุมเองที่มีแนวร่วมประกอบกันกว่า 10กลุ่ม โดยที่แต่ละกลุ่มความทั้งความเป็นเอกภาพ ความแข็งแกร่ง ตลอดจนประสบการณ์ในการนำมวลชน ที่พัฒนามาจากระดับการชุมนุมในรั้วสถาบันการศึกษา ย่อมแตกต่างไปจากการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อสีต่างๆ ที่เคยชุมนุมขับไล่รัฐบาลมาแล้ว
นอกจากนี้สิ่งที่ยังเป็น "เงื่อนไข" สำคัญคือการชุมนุมครั้งนี้จะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก "ฝ่ายการเมือง" โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่เคยนักการเมืองบางส่วนขนพี่น้องคนเสื้อแดงให้มาเข้าร่วม หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างอำนาจภายในพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีสาระหลักๆอยู่ที่การดึงพรรคเพื่อไทย ออกมาจากม็อบปลดแอก
และที่ไม่อาจมองข้ามสำหรับปัจจัยที่ได้กลายเป็นตัวสกัด แนวร่วมให้พากัน "ถอยห่าง" นั่นคือการที่แกนนำม็อบปลดแอก ประกาศแล้วว่าจะชูประเด็นที่ว่าด้วย "สถาบัน" เพื่อส่งสัญญาณยกระดับการกดดันเหนือไปจากรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์
การเคลื่อนไหวของม็อบปลดแอกและแนวร่วมในวันที่ 14ต.ค.นี้ กำลังเผชิญหน้ากับ "จุดพลิกผัน" ว่าเป้าหมายที่คาดการณ์กันเอาไว้ จะลุล่วงได้หรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเหลืออีกเพียงไม่กี่วัน แกนนำม็อบ ตลอดจน "ฝ่ายการเมือง" ทั้งจากคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล จะใช้กลยุทธ์ใดมาช่วยเรียกแขก เพราะว่ากันว่า ความจริงแล้ว การชุมนุมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ก้าวล่วงสถาบัน ได้ผ่านจุดพีค ไปแล้วนับตั้งแต่วันที่ชุมนุมเมื่อวันที่19 ก.ย.ที่ผ่านมา
ฉะนั้นเมื่อวันนี้ "เหล็ก"ไม่มีความร้อน การทุ่มเทแรง ลงไปเพื่อ ตีเหล็ก จึงแทบไม่มีความหมาย ใดๆอีก !