"สำหรับ ตัวบุคคลที่พรรค พปชร.จะส่งลงสมัครนั้น เวลานี้ยังไม่มีใครทราบ เพราะหัวหน้าพรรคคงต้องเรียกประชุมกรรมการบริหารเพื่อสอบถามแนวคิดและเงื่อนไขของการเลือกตั้ง ยังไม่รีบตัดสินใจ" พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ระบุกับผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าของพรรคพลังประชารัฐกับการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเมืองสนามเล็ก ที่ไม่เล็ก เมื่อบัดนี้มีความชัดเจนว่า การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นจะเปิดฉากในเดือนธ.ค.นี้ โดยประเดิมที่ การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เป็นสนามแรก แต่เหตุที่เวลานี้หลายต่อหลายคนพากัน พุ่งเป้า โยนหินลงไปเช็คกระแส การเมืองสนามเล็ก ที่ไม่ธรรมดาอย่างการเลือกตั้ง "ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร" ที่แม้จะยังไม่ได้อยู่ในรายการ แต่กลับน่าสนใจว่า ล่าสุดแต่ละพรรค ต่างออกมาส่งสัญญาณ พร้อมทั้งกดดันไปยัง "รัฐบาล" ให้รีบเปิดสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. โดยเร็วที่สุด ในฐานะที่พุทธิพงศ์ คือหนึ่งในแกนนำหลักของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีส.ส.กทม.อยู่ในมือและยังผนึกพลังกำลังกับ "ณัฎฐพล ทีปสุวรรณ" รมว.ศึกษาฯ และในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ อีกทั้งยังรับรู้กันดีว่าทั้งคู่ต่างเป็นคนที่ "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความไว้วางใจ และเมื่อเกิดความเคลื่อนไหวจากคนของพรรคพลังประชารัฐ โดย "สิระ เจนจาคะ"ส.ส.กทม.ของพรรค ออกมาเปิดหน้า ชนกับ "ผู้ว่าฯอัศวิน" พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. คนปัจจุบัน โดยสิระ เล่นออกปากไล่ให้ลุกจากตำแหน่งไม่เว้นแต่ละวัน พร้อมทั้งยกปัญหาน้ำท่วมกทม. ขึ้นมาทำลายคะแนนความนิยม แน่นอนว่าการออกมาเคลื่อนไหวในทางที่เป็นลบต่อตัว พล.ต.อ.อัศวิน โดยสิระ คนของพรรคพลังประชารัฐ เช่นนี้ย่อมถูกนไปเชื่อมโยงกับกระแสข่าวที่ก่อนหน้าที่มีรายงานว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้ทาบทาม "บิ๊กแป๊ะ"พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. ที่บัดนี้ได้บวชเป็นพระเมื่อภายหลังเกษียณจากตำแหน่ง จึงเกิดคำถามว่าสิระ ออกโรงออกมารับบท "หัวหมู่ทะลวงฟัน" เปิดทางให้กับผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐเอง ไปพร้อมๆกับการทำลายคะแนนนิยมของ ผู้ว่าฯอัศวิน ใช่หรือไม่ ? อย่างไรก็ดี การตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ให้มาสวมเสื้อของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. นั้นในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล อาจเผชิญหน้ากับแรงกดดันมากกว่าใครเพื่อน ! เพราะอย่าลืมว่า พรรคพลังประชารัฐจะต้องชนะในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เท่านั้น เพื่อให้การเมืองในสนามเล็กกับ "สนามใหญ่" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำงานของ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินหน้าไปได้อย่างราบรื่นมากที่สุด แต่ปัญหาที่พรรคพลังประชารัฐ ต้องแบกรับเวลานี้ก็แทบไม่แตกต่างไปจากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคก้าวไกล นั่นคือการเฟ้นหาคนที่มาลงสมัคร เพื่อคว้าเอาชัยชนะเท่านั้น ก็กลายเป็นเรื่องยากเย็น จะเว้นก็แต่พรรคเพื่อไทย ที่แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นพรรคการเมืองที่อยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก หนักหนาสาหัสที่สุด เมื่อพรรคไม่สามารถหาคนมาเป็นตัวแทนได้ แต่เมื่อวันนี้ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" อดีตแกนนำพรรค จะประกาศลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ในนามอิสระ ก็ตาม อีกทั้งคะแนนยังดีวันดีคืน และที่สำคัญไปกว่านั้น แม้ชัชชาติ จะประกาศไม่กลับพรรคเพื่อไทย แต่ย่อมไม่ได้หมายความว่า คนของพรรคเพื่อไทยจะเข้ามาช่วยชัชชาติ ในระดับพื้นที่เพื่อกวาดคะแนนไม่ได้ และที่ลืมไม่ได้ นั่นคือชัชชาติ ไม่ได้มีความชัดแย้งกับ "แม่ทัพชุดใหม่" ที่พรรคเพื่อไทยเพิ่งเซ็ตอัพขึ้นมาใหม่ แต่อย่างใด !!