จากนี้ไปสิ่งที่ต้องตามติดคือทิศทางและบทบาทของ "พรรคเพื่อไทย" ภายหลังจากที่มีการปรับโฉมกันใหม่ เพราะแม้ "สมพงษ์ อมรวิวัฒน์" จะได้รับการโหวตให้กลับมานั่ง "หัวหน้าพรรคเพื่อไทย"อีกครั้ง ก็ตาม แต่การกลับมาครั้งนี้สำหรับสมพงษ์ ย่อมแตกต่างไปจากที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้ สมพงษ์ ทำหน้าที่ "แม่ทัพ" ของพรรคเพื่อไทย โดยมี "มือทำงาน" ที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนใกล้ชิด "ครอบครัวชินวัตร"ไปจนถึง แกนนำในปีก "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี โดยที่ บทบาทของ "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" ที่เหลือไว้เพียง "สมาชิกพรรค" หรือแม้จะมีชื่อ "อนุดิษฐ์ นาครทรรพ" นั่งอยู่ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่จุดที่มีอำนาจในการตัดสินใจอย่างใด อย่างหนึ่ง เพราะเมื่อไล่เรียงรายชื่อ "กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่" น่าสนใจว่า สมพงษ์ เองก็มาจากสายของ "เยาวภา วงศ์สวัสดิ์" น้องสาวของ อดีตนายกฯทักษิณ ส่วน "เผ่าภูมิ โรจนสกุล" เป็นคนใกล้ชิด "ภูมิธรรม เวชยชัย" แกนนำพรรค ซึ่งในรายของ ภูมิธรรม ที่เคยออกไปตั้งกลุ่มแคร์ ร่วมกับ "อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย" มีข่าวว่าได้ถูกดึงกลับมาเพื่อช่วยพรรคเพื่อไทย ขณะที่ "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" เองก็คือคนของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ นั่นเอง การเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อไทย ครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะปรับโลโก้ และโละแกนนำในปีกของคุณหญิงสุดารัตน์เท่านั้น แต่สิ่งที่กำลังถูกจับตามอง คือจากนี้ไป พรรคเพื่อไทย จะเข้าสู่โหมดของการยืนอยู่กับขั้วอุดมการณ์ทางการเมือง ปีกไหน จริงอยู่แม้ พรรคเพื่อไทย จะอยู่ในสถานะแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ตาม และก่อนหน้านี้ก็คล้ายกับว่าจะเป็นพรรคใหญ่ที่เดินตามหลัง "พรรคก้าวไกล" พรรคน้องใหม่ รวมทั้งยังมีส.ส.ของพรรคบางส่วน ยังไปร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองกับ "กลุ่มประชาชนปลดแอก" ที่มีเป้าหมายจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง มาแล้วหลายครั้งหลายครา ซึ่งล่าสุด "ฝ่ายความมั่นคง"ได้เก็บหลักฐาน ทั้งภาพและเสียงการปราศรัยโจมตีสถาบัน เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่จากนี้ไป พรรคเพื่อไทยเองจะต้อง "กันตัวเอง" ออกมาจากทุกความสุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะการเข้าไปร่วมสังฆกรรมกับทุกกิจกรรมทางการเมืองที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน เพราะจะทำให้ พรรคเพื่อไทยมีอันต้อง "พังทั้งพรรค" ตามมา โมเดลของพรรคเพื่อไทย ที่จะเดินหน้าจากนี้ไป คือการกลับมายิ่งใหญ่ให้เหมือนกับเมื่อครั้งที่อดีตนายกฯทักษิณ เคยสร้างพรรคไทยรักไทย จนรุ่งเรืองมาแล้ว การดึงเอาทุกสรรพกำลัง จากรุ่นสู่รุ่น ที่เป็นเลือดเนื้อของพรรคไทยรักไทย ซึ่งรวมถึงบรรดา "กูรูนักคิด" ทั้งหลายที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนทำงานที่ ทั้ง อดีตนายกฯทักษิณ และ "คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์" นายหญิงตัวจริงของพรรค ให้ความไว้วางใจ ย่อมต้องการไปสู่เป้าหมายที่มากไปกว่าการนำหน้า เหนือพรรคการเมืองน้องใหม่อย่างพรรคก้าวไกล เท่านั้น เพราะว่ากันว่าสาระที่แท้จริง ของพรรคเพื่อไทย คือการดำรงอยู่ในสนามการเมือง เป็น "ผู้เล่น" ที่รอจังหวะและโอกาสได้ทำงานใหญ่ ต่างหาก !