บรรยากาศทางการเมือง ที่เริ่มปรับโหมด ปรับอุณหภูมิ จากที่เคยร้อนแรง คุกรุ่นกันทุกอณู ก็เริ่มเปลี่ยนทิศชนิด360 องศา ไปสู่บรรยากาศที่เริ่มเย็นลง ทั้งที่เมื่อสัปดาห์ก่อน ม็อบประชาชนปลดแอก เพิ่งบุกไปล้อมรัฐสภา เพื่อติดตามและกดดัน "รัฐบาล-สว."ให้รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมี "พรรคร่วมฝ่ายค้าน" ช่วยกันเขย่ารัฐบาลและสว. ในสภาฯ คู่ขนานไปกับการชุมนุมของม็อบประชาชนปลดแอกและแนวร่วม รุกไล่กันถึงขนาดที่ว่าทั้งส.ส. -สว. และเจ้าหน้าที่รัฐสภา ต้องหาทางหนีออกจากรัฐสภา ทั้งเดินเท้า และหนีไปทางเรือเกิดการโกลาหล จ้าละหวั่น เหมือนกับว่าการประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรนูญนั้นเกิดขึ้นในสนามรบ ไม่ใช่รัฐสภาแห่งใหม่ด้วยซ้ำ เมื่อม็อบประชาชนปลดแอกยุติการชุมนุมเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมาพร้อมนัดหมายมาชุมนุมกันใหม่ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ เพื่อทวงถามความคืบหน้าในการรับร่างรัฐธรรมนูญ ล่าสุดได้เกิดปรากฎการณ์ทางการเมือง ที่เต็มไปด้วย "พายุข่าวลือ" ที่พัดเข้าใส่รัฐบาล และพุ่งไปยังตัว "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าด้วย "รัฐบาลแห่งชาติ" ว่าอีกไม่นานจะได้เห็น ! ยิ่งมีการปรับทัพ เปลี่ยนโครงสร้างของพรรคเพื่อไทย ชนิดที่เรียกว่า "โละยกชุด" สำหรับแกนนำของพรรคที่ไปแสดงตัว เปิดหน้าร่วมวงกับ "ม็อบประชาชนปลดแอก" ที่มีเป้าหมาย มากไปกว่าการขับไล่รัฐบาล คือการก้าวล่วงสถาบัน มาสู่ทิศทางการเมืองใหม่ที่มีเป้าหมาย ทำให้พรรคเพื่อไทยเติบโต ยิ่งใหญ่ เหมือนกับที่พรรคไทยรักไทยเคยเป็นมา ภายใต้การนำของ "คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์" อดีตภริยา "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการร่วมขบวนไปกับม็อบล้มสถาบันจึงไม่ใช่เกมการเล่นที่ฉลาดนัก ! การดึง "กลุ่มแคร์" ที่นำโดย "ภูมิธรรม เวชยชัย"และแกนนำของกลุ่มซึ่งถือเป็น มือทำงานที่ทักษิณ ไว้วางใจกลับมาช่วยกันทำพรรคเพื่อไทย ย่อมไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่การทำพรรคให้กลับมายิ่งใหญ่ และตีตัวออกห่างจาก "ม็อบล้มสถาบัน" เท่านั้น แต่ด้วยท่าทีของคนในพรรคเพื่อไทยเองที่กลับหลังหัน ลดโทนความร้อนแรง เอาตัวออกห่างจากม็อบประชาชนปลดแอก ทั้งทางตรงและทางอ้อม ยังมีขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่าพรรคเพื่อไทย "แต่งตัว" รอเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ นัยว่าจากนี้จะเหลือเพียง "พรรคก้าวไกล" ที่ถูกโดดเดี่ยวในสภาฯเท่านั้น อย่างไรก็ดี ท่ามกลางข่าวลือที่ว่าด้วยรัฐบาลแห่งชาติ โดยมี "พรรคเพื่อไทย" คือ "ตัวเลือกใหม่" นั้นอาจนำมาซึ่งความหวั่นไหวของ "พรรคร่วมรัฐบาล"ด้วยกันเอง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่เล่นเกม "เขย่าขวัญ" พรรคพลังประชารัฐมาครั้งแล้ว ครั้งเล่า รวมทั้ง พรรคภูมิใจไทยเองที่แสดงท่าที ต่อการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้พรรคภูมิใจไทยเองถูกมองว่า จงใจเอาดีใส่ตัว หวังทำคะแนนจาก "ม็อบเยาวชน" ที่บุกมาล้อมรัฐสภา โดยไม่คำนึงถึงมารยาทการอยู่ร่วมรัฐบาล กับ พรรคพลังประชารัฐ แต่สุดท้ายแล้ว ดูเหมือนว่าทุกข่าวลือ ที่สะพัดโถมเข้าใส่รัฐบาล โดยเฉพาะ "2 ป." คือ "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กลายเป็นเป้าโจมตี จนพล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมาสยบ ว่าแค่พรรคเดียวก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว !