แม้ว่าในช่วงเวลานี้ยังไม่มีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ในเวลาเดียวกันก็มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ และข่าวว่าคนไทยคนต่างชาติที่ออกจากไทยไปตรวจพบที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ขณะที่การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศก็ต้องเร่งผลักดัน โดยเฉพาะผลกระทบแรงงานในธุรกิจท่องเที่ยว โดยข้อมูลขากนางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย หรือ ทีเอชเอ กล่าวว่า สภาพคล่องของผู้ประกอบการโรงแรมไทยส่วนใหญ่อยู่ได้อีกเพียง 3-6 เดือน ซึ่งทางสมาคมฯ วิเคราะห์ว่า เวลานี้แรงงานในธุรกิจโรงแรมว่างงานทั้งแบบชั่วคราวและถาวรรวม 1 ล้านคน ประมาณ 25% เป็นการว่างงานถาวร และยังพบว่ามีความต้องการจ้างงานลดลง 75% ซึ่งหากยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวจนถึงกลางปี 2564 จะส่งผลทำให้เงินหมุนเวียนของธุรกิจลดน้อยลง ยิ่งขึ้น รวมถึงการว่างงานที่เพิ่มขึ้น หนี้สินเพิ่มขึ้น จนโรงแรมอาจต้องปิดตัวลงหรือขายกิจการ ขณะนี้ธุรกิจโรงแรมอยู่ในสภาวะซัพพลายล้นตลาดหลายแห่งแม้จะเปิดบริการแล้วแต่ยังขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถสร้างยอดขายให้สูงกว่าจุดคุ้มทุน จนเผชิญกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก ส่งผลให้มีความจำเป็นเลิกจ้างพนักงาน ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการ แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ เพื่อต้องการนำนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม โดยนพ.วิทูรย์ อนันกุล ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขควบคุมโรคได้ดีในระดับที่พึงพอใจ เวลานี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องเดินหน้าเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเปิดรับคนเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการ ท่องเที่ยว ดังนั้น ประชาชนต้องเข้าใจว่าถึงจุดหนึ่งเราอาจจะมีผู้ป่วยเกิดขึ้นได้ แต่อยู่บนพื้นฐานที่ กระทรวงสาธารณสุขรับมือได้ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมทั้งกำลังคน ทรัพยากรยา เวชภัณฑ์ต่างๆ ไว้รองรับอย่างเพียงพอ โดยวางแผนรับมือแบบเรียลไทม์วันต่อวัน ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขฉุกเฉิน กล่าวด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขมีข้อสั่งการไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศพิจารณาตั้งสถานกักกันทางเลือก (ASQ) อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง เป็นโรงแรมจับคู่ กับ โรงพยาบาลเอกชน หรือโรงพยาบาลรัฐก็ได้ พร้อมทำการค้นหาเชิงลึกสม่ำเสมอ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเราจะเดินหน้าเปิดประเทศได้ “จากที่มีการหารือจำนวนคนที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทย 120 คน จะพบว่ามีการติดเชื้อ 1 คน เราก็คำนวณจากตรงนี้ เทียบกับความพร้อมของเราเอง ก็พบว่าวันนี้เราสามารถรับคนเดินทางเข้าประเทศได้วันละ 1-2 หมื่นคน และสามารถรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อได้จำนวนหนึ่ง วันละราวๆ 100 คนอย่างไรก็ตามศักยภาพสถานพยาบาลสามารถรับมือ ผู้ป่วยได้ภาพรวม กทม. 1 หมื่นคน ต่างจังหวัด 1 หมื่นคน” กระนั้น จากปัจจัยการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นอกจากการเตรียมพร้อมรับมือ ของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวดแล้ว พี่น้องประชาชนต้องกลับมาตั้ง “การ์ดสูง” อีกครั้ง ในการระมัดระวังป้องกัน ทั้งสวมหน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่างระหว่างกัน เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ บนพื้นฐานที่ไม่มีใครอยากให้การระบาดกลับมาอีกระลอก