"สถานการณ์การชุมนุมที่ผ่านมาต้องขอแสดงความยินดีที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บ้านเมืองกลับเข้าสู่ความสงบสุขและสันติ อีกครั้งหนึ่ง ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานอย่างเสียสละ อดทน และอดกลั้น จึงขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง" "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว เมื่อถูกถามถึงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมา ด้วยท่าทีผ่อนคลาย อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ที่ทำท่าว่าจะเป็น "ม็อบเบิ้มๆ" ก็กลับจบลงอย่างราบรื่น ไม่มีการปะทะระหว่าง ผู้ชุมนุมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามที่หลายฝ่ายกังวลแต่อย่างใด ส่วนการชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอก ที่นัดหมายกันในวันที่ 24 ก.ย.นี้ที่รัฐสภาเพื่อกดดันการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในการประชุมร่วมรัฐสภา ก่อนปิดสมัยประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ระบุแค่ว่า "ให้ติดตามตอนต่อไป" การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ที่พังประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แล้วบุกเข้าไปภายในเพื่อแสดงให้เห็นว่าคำสั่งห้ามใช้สถานที่ของผู้บริหารมหาวิทยาลัยนั้นไม่มีความหมาย ก่อนที่จะพากันเคลื่อนขบวนมายังท้องสนามหลวง ทั้งที่รู้ว่าเป็นเขตโบราณสถาน จนสามารถปักหมุดคณะราษฎร ครั้งที่ 2 กันจนสำเร็จ ในช่วงสายของวันที่20 ก.ย. ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการ ส่งตัวแทนไปยื่นข้อเรียกร้องต่อองคมนตรี ที่ทำเนียบองคมนตรี ถนนราชดำเนินใน แทนการเคลื่อนพลไปบุกทำเนียบรัฐบาล เพื่อเย้ย พล.อ.ประยุทธ์ แน่นอนว่าการประเมินผลหลังการชุมนุมครั้งนี้ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ขับไล่เผด็จการ ย่อมแปรผันไปตามกลุ่มมวลชนของแต่ละฝ่าย เพราะสำหรับฝ่ายหนุนม็อบ ย่อมมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ความสำเร็จ เพราะการต่อสู้ "เชิงสัญลักษณ์" คือการ "ส่งสาร" ออกไป แต่ไม่ต้องการปะทะ ขณะที่ฝ่ายหนุนรัฐบาล ตลอดจน "ฝ่ายความมั่นคง"เอง ย่อมเห็นแล้วว่า นอกเหนือไปจากการชุมนุมที่จบลงด้วยความเรียบร้อย ทุกฝ่าย โดยเฉพาะ "เจ้าหน้าที่ตำรวจ" ทุกหน่วย ทุกระดับชั้นได้ใช้ความอดทน อดกลั้นต่อการยั่วยุจนทุกอย่างผ่านพ้นไปได้แล้ว ยังทำให้สามารถ มองเห็น "จุดอ่อน" ในการจัดกระบวนทัพของได้อย่างชัดเจนว่า ที่ไม่มีการเคลื่อนย้ายมวลชนไปยังใกล้เขตพระราชฐาน นั้นเป็นเพราะ กำลังมวลชนไม่เพียงพอ ไม่สามารถบริหารจัดการกันเองได้แล้ว ยังเป็นเพราะ ความแตกต่างระหว่าง ม็อบที่นำหน้าโดยเยาวชน กับม็อบสารพัดสีเสื้อในอดีตที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิงด้วยหรือไม่? เมื่อฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เปิดหน้า การ์ดตกค่อนข้างชัดเจนว่าแม้จะมีมวลชนมาร่วมชุมนุม แต่ก็ยังเดินไป "ไม่สุด" และที่สำคัญไปกว่านั้น คือโอกาสที่ "แกนนำม็อบ"ที่ต่างมีคดีความเป็นชนักติดหลังอยู่เดิม จะโดนข้อหาใหม่พ่วงเข้าไปด้วยหรือไม่ จนทำให้ต้องลุ้นกันต่อไปอีกว่า จากที่ "เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์ นักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแกนนำเยาวชนปลดแอก ประกาศนัดชุมนุมครั้งหน้า 14ต.ค.เพื่อทวงสัญญานั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าบรรดาแกนนำจะไม่โดนรวบตัว ไปเสียก่อน !