ทีมข่าวคิดลึก
เมื่อการร้องไห้ และน้ำตา ของ"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะจำเลยในคดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว กลายเป็น "กลยุทธ์" ที่ใช้ "ได้ผล" สร้างเอฟเฟกต์ทางการเมืองให้เกิดขึ้นอย่างเห็นน้ำเห็นเนื้อ เพราะไม่เพียงแต่การร้องไห้ในวันครบรอบวันคล้ายวันเกิด ปีที่ 50 ของยิ่งลักษณ์ จะสร้างแรงเสียดทานต่อรัฐบาล และทำให้ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) โดนโจมตีว่าเป็นฝ่ายรังแกอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เท่านั้น
แต่ขณะเดียวกันยังกลายเป็นว่าได้เกิดคำถามถึงความคืบหน้าในการยึดทรัพย์ ว่าขยับไปถึงไหน ยิ่งเมื่อ"วิษณุ เครืองาม" รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ออกมาระบุว่า กรมบังคับคดี ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการยึดทรัพย์ ไม่ทราบจะไปทำอะไรที่ไหน หยุดไว้ หาทรัพย์ไม่เจอ จึงหยุดไว้ก่อน ยิ่งทำให้สถานการณ์ของฟากรัฐบาลไม่สู้ดีนัก
อย่างน้อยที่สุดเสียงท้วงติงจาก"ทีมกฎหมาย" จากพรรคประชาธิปัตย์อย่าง "ราเมศ รัตนะเชวง" ที่ออกมาจี้ให้รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการเดินหน้ายึดทรัพย์ เนื่องจากรัฐถือเป็น "เจ้าหนี้"ดังนั้นจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเรียกเงินของแผ่นดินคืนมา
"รัฐบาลต้องตอบประชาชน อย่าทำเหมือนแอบขยิบตาอีกข้างหนึ่ง ใครที่ทำให้ประเทศเสียหายถ้าเรียกคืนมาได้บาทเดียวก็ต้องเรียก เพราะนี้คือการแสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายในบ้านเมือง"
นอกจากนี้ ราเมศ ยังเปิดตัวเลขทรัพย์สิน ที่ยิ่งลักษณ์ ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่ยื่นไว้ล่าสุดกรณีพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี วันที่ 8 ธ.ค.57 รวม 586 ล้านบาท เพื่อชี้ให้ รองนายกฯ วิษณุ ได้เห็นว่า ยิ่งลักษณ์ นั้นมีเงินเท่าใด ดังนั้นฝ่ายรัฐบาลจะมาบอกว่า หาทรัพย์สินของยิ่งลักษณ์ไม่พบนั้น คงฟังได้ยาก
การออกมาแสดงท่าทีเสียใจของยิ่งลักษณ์ ครั้งนี้ไม่ว่าจะได้รับความเห็นใจจาก "กองเชียร์" หรือโดนโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการทำให้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นฝ่ายถูกกดดันและเผชิญหน้ากับ "แนวร่วม" ของรัฐบาลเสียเอง อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ที่เฝ้ารอดูว่าคดีนี้จะลงเอยอย่างไร
เพราะต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้เคยมีการตั้งข้อสังเกตจากหลายต่อหลายฝ่าย ว่าที่สุดแล้ว คดีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งในทางอาญา ซึ่งมีปลายทางอยู่การติดคุก หากยิ่งลักษณ์ ถูกศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่ามีความผิดจริง เช่นเดียวกับคดีในทางแพ่งว่าด้วยการยึดทรัพย์ จะ
กลายเป็น "มวยล้มต้มคนดู" หรือสามารถใช้กระบวนการยุติธรรม เพื่อยุติคดีได้หรือไม่ ?
แน่นอนว่า คำถามประการหลังกำลังกลายเป็นเกมที่ยิ่งลักษณ์สามารถเป็นฝ่ายพลิกสถานการณ์กลับมาคุมเกม เรียกกระแสความเห็นใจและบีบให้ ทั้ง "รัฐบาล-แนวร่วม" ต่างหันมาเผชิญหน้ากันเอง
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว คดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวนั้น คือ"จุดตาย"ทั้งของยิ่งลักษณ์ ไปจนถึง"ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ผู้เป็นพี่ชายของเธอเลยทีเดียว !