การชุมนุมใหญ่ หรือม็อบเบิ้มๆ ตามที่แกนนำกลุ่มประชาชนปลดแอก ประกาศเชิญชวนระดมมวลชนให้ไปร่วมแสดงพลังต่อต้านรัฐประหาร ต่อต้านรัฐบาลของ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยกลุ่มเยาวชน นักศึกษา ยังยืนยันใช้สถานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 19 กันยายน นี้ โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะสั่งห้ามไม่ใช้สถานที่ก็ตาม แต่งานนี้ แกนนำม็อบลั่นวาจาเอาไว้แล้วว่า ถ้าล็อกประตู ก็จะตัดโซ่ เพื่อบุกฝ่าเข้าไป ! นอกจากนี้ แกนนำม็อบอย่าง "ทนายอานนท์" อานนท์ นำภา ยังได้ให้ความเชื่อมั่นว่าการชุมนุมใหญ่ 19 กันยา นี้ ทุกพื้นที่ จะมีแต่ความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ หรือท้องสนามหลวง หากรัฐไม่ใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนทุกสถานที่ก็ปลอดภัยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบนถนนราชดำเนินหรือท้องสนามหลวง หากจะมีความไม่ปลอดภัยก็ต่อเมื่อเราใช้ถ้อยคำรุนแรงหรือตั้งใจยั่วยุ หรือมีการส่งคนมาก่อกวน ซึ่งมั่นใจว่าตำรวจก็ไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย เมื่อเป้าหมายการชุมนุมแสดงพลังครั้งนี้ไม่ธรรมดา จึงไม่น่าแปลกใจที่จะพบว่า ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเต็มไปด้วยการ เรียกแขก เชิญชวน ให้ประชาชน นักเรียน นักศึกษา มาร่วมเคลื่อนไหวจากทั้งแกนนำเยาวชนปลดแอก นอกสภาฯไปจนถึง แกนนำคณะก้าวหน้า และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ให้ความช่วยเหลือใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวให้กับแกนนำม็อบไปแล้วด้วยกันหลายราย แต่ที่น่าสนใจและกำลังกลายเป็น จุดโฟกัส สำคัญอยู่ที่การจับจ้องไปยัง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ที่ประกาศล่าสุดว่า หากในวันชุมนุม19กันยานี้ กองทัพทำการรัฐประหารจะออกไปต่อต้านให้ถึงที่สุด ! "หากมีการทำรัฐประหารเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ ผมยืนยันกับประชาชนว่า ผมและนายธนาธร จะออกไปต่อต้านการรัฐประหารครั้งนี้อย่างถึงที่สุดแน่นอน" การออกมาสู่ ที่แจ้ง ของทั้งธนาธรและปิยบุตร หากเกิดรัฐประหารขึ้นจริง ยังเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของวันข้างหน้า แต่การออกมาปลุกเร้าระดมมวลชนอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ย่อมคาดหวังว่าการชุมนุมในวันที่ 19กันยานี้ จะทำให้ม็อบ จุดติด แต่ขณะเดียวกัน ปิยบุตร กลับขมวดท้ายเอาไว้ว่า จะไม่มีการขึ้นเวที ไม่มีการปราศรัย แต่จะยกให้เป็นภารกิจของ เยาวชน ในการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.นี้ ผมไม่ได้จะออกไปประกาศเป็นแกนนำม็อบแต่อย่างใด แต่ยืนยันว่าจะไปร่วมชุมนุม แต่ไม่ขึ้นปราศรัยเพราะให้เป็นภารกิจของน้องๆ หมายความว่า ลึกๆแล้วเขาเองก็รู้ว่าโอกาสที่จะเกิดรัฐประหาร เหมือนกับการชุมนุมขับไล่รัฐบาลในอดีตที่ ผ่านมานั้นยังเกิดขึ้นได้ยาก เพราะหนึ่ง สถานการณ์ยังไม่สุกงอม มากพอ และสอง คือการที่รัฐบาลและกองทัพเอง มี ทางเลือก อื่นๆ ที่จะงัดขึ้นมาใช้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องยกระดับกระชับพื้นที่ด้วยการรัฐประหารแต่อย่างใด !