“วันนี้เป็นวันที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐได้ถือกำเนิดชึ้นมาในโลกหนังสือพิมพ์เมืองไทยอีกฉบับหนึ่ง ถ้าจะพูดกันสำหรับในวันนี้หรือระยะอนาคตอันใกล้ ก็นับว่าเราเป็นหนังสือพิมพ์ที่มีอาวุโสน้อยที่สุดในกระบวนหนังสือพิมพ์ทั้งหลาย อันหนังสือพิมพ์นั้นย่อมมีชีวิตและจิตใจของตนเองเช่นเดียวกับบุคคล ย่อมบังเกิดมาด้วยกรรม และเมื่อบังเกิดมาแล้ว ย่อมประกอบกรรมต่อไป และย่อมะต้องรับผลกรรมนั้น ๆ จะหลีกเฃลี่ยงหาได้ไม่ และก็เป็นธรรมดาอีกเช่นเดียวกัน ซึ่งหนังสือพิมพ์ที่อรกเริ่มจะก้าวเดินออกไปในโลก ย่อมปรารถนาที่จะเห็นแต่สิ่งที่ดี และตั้งปณิธานที่จะทำความดี ส่วนที่จะบรรลุผลสมดังปรารถนา และจะปฏิบัติได้ตามปณิธานนั้นหรือไม่ ย่อมสุดแล้วแต่เหตุการณ์แวดล้อมและการระทำของหนังสือพิมพ์นั้นเอง เราได้ถือกำเนิดมาในวันนี้พร้อมด้วยความหวังว่าเราจะสามารถเดินต่อไปอีกไกล เราเริ่มชีวิตของเราด้วยความรู้สึกสังวรในฐายะและหน้าที่ที่เรามีต่อสังคม และในขณะเดียวกันเราก็รู้จักประมาณตนเอง ในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้มากหรือน้อยประการใด หนังสือพิมพ์ฉบับนี้มิได้ตั้งขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ในทางการเมืองขอบุคคลใดหรือหมู่คณะใด เราไม่มีเจตนาล่วงหน้า ที่จะสนับสนุนหรือตำหนิติเตียนบุคคลใดหรือหมู่คณะใดโดยเฉพาะ เราเรียกชื่อหนังสือพิมพืฉบับนี้ว่า “สยามรัฐ” ทั้งนี้ก็เพราะเราถือว่า ผลประโยชน์แห่งผืนแผ่นดินที่เรียกว่าสยามรัฐนี้ เป็นสิ่งที่ต้องรักษาไว้เหนือประโยชน์อื่นใด และความผาสุกของคนทั้งปวงที่เป็นเจ้าของแผ่นดินผืนนี้ เป็นยอดแห่งความปรารถนาของเรา เราได้ถือเอาดวงตราของแผ่นดินไทยค้ำจุนไว้ด้วยสัตย์ที่ไทยเราถือว่าเป็นม คลมาทอดไว้เหนือชื่อของเรา ส่วนสุภาษิตที่เราจะยึดถือต่อไปนั้น คือพุทธภาษิตเป็นคาถาโดยอรรถว่า “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม และข่มคนที่ควรข่ม” เราเริ่มออกเดินทางด้วยเจตนาดังได้กล่าวมาแล้ว สาธุชนพึงเห็นว่าเป็นเจตนาอันสุจริต ขณะนี้เราถือว่าเราเป็นมิตรกับคนทุกคนที่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของแผ่นดินไทยนี้เท่า ๆ กับเรา เราเคารพกฏหมายบ้านเมืองและองค์การสาธารณะเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน ไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะประกอบด้วยบุคคลคณะใดหรือพรรคใด ในเมื่อรัฐบาลนั้นปฏิบัติการไปในทางที่เราเชื่อถือได้ว่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน และเพื่อความผาสุกขออาณาประชาราษฎร์ แต่ถ้ามีความตคิดเห็นอื่นใดซึ่งไม่ใช่เป็นความคิดเห็นของรัฐบาล ซึ่งเราเห็นว่าหากปฏิบัติไปตาม ความเจริยของผ่นดินและประชาชนมากกว่า เราก็จะถือว่าเรามีทั้งสิทธิ์และหน้าที่จะต้องสนับสนุนความคิดเห็นนั้นๆ” ปณิธานข้างต้นนี้ ประกาศไว้ในหน้าหนังสือสยามรัฐฉบับปฐมฤกษ์ วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2493 “สยามรัฐ” ยั่งยืนมาจนบัดนี้ 67 ปี ด้วยพลังความดีงามของเจ้าของ , ผู้บริหาร ,สมาชิกองค์กรสยามรัฐในอดีตและปัจจุบันทุกท่าน และที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือสาธุชนที่ได้เมตตาสนับสนุน “สยามรัฐ” ตลอดมา ต่อหน้าสถานการณ์ใหม่ ๆ ที่ท้าทายการทำงานของสื่อหนังสือพิมพ์กระดาษ เราจะทำตามคำชี้นำของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ให้ไว้ว่า “ผู้ที่ทำหนังสือสยามรัฐทุกวันนี้ควรจะหาคนมาทำสยามรัฐที่ก้าวหน้าออกไป ทันกาล ทันสมัย ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า เจตนารมณ์ของสยามรัฐนั้น เป็นหนังสือพิมพ์ที่นอกจากจะให้ข่าวสารความคิดเห็นให้ความบันเทิงแล้ว ยังจะต้องให้อะไรอีกอย่างหนึ่ง คือทำให้ผู้อ่านเกิดปัญญาขึ้นด้วย”