แม้จะไม่เกินความคาดหมาย ที่โควิดกลับมาหลอกหลอนประเทศไทยอีกครั้ง เหมือนอย่างประเทศอื่นๆที่ปลอดโควิดก่อนหน้านี้ เช่น นิวซีแลนด์ หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทย เป็นชายอายุ37ปีในเรือนจำ ไม่มีประวัติไปต่างประเทศ แต่เป็นดีเจที่ร้านอาหารหลายแห่ง ทำให้มีความกังวลว่าจะเป็น superspreder โดยก่อนหน้านี้ประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดของโรคโดยไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่นานถึง 101 วัน แม้จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ผู้ติดเชื้อรายนี้อาจติดจากการสัมผัสกับคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ที่อาจจะพบกันในช่วงเวลากลางคืน หรือติดจากคนในประเทศเอง แต่คนแวดล้อมมีผลเป็นลบหมดความเสี่ยงจึงยังไม่รุนแรง แต่ก็เป็นสัญญาณที่อันตราย โดยเฉพาะในช่วงไทยกำลังเข้าสู่โหมดของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากวิกฤติ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความแตกตื่นหนีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ในประเทศต่างๆล้อมรอบไทยทำให้เกิดปัญหาการลักลอบนำชาวเมียนมา ลาม กัมพูชา และจีน เพื่อเข้ามายังประเทศไทย ทำให้พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ลงพื้นที่ไปยังอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อเข้าประเมินสถานการณ์การลักลอบนำชาวต่างด้าวเข้าประเทศเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติต่างๆที่มีพรมแดนติดกับประเทซเมียนมา ตลอดแนวในเขต 3 อำเภอคือ อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่จัน และ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ด้วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใย จากการแพร่ระบาดในเมียนมาที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และกังวลที่กรณีแรงานต่างด้าว และผู้หลบหนีเข้าเมืองจะนำเข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่อำเภอแม่สาย และการระบาดภายในประเทศ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thira Woratanara มองว่า สถานการณ์ต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง พบว่า มีทั้งลักลอบเข้ามาเอง รวมถึงคนไทยในประเทศที่รู้เห็นทั้งในฐานะสมาชิกในครอบครัว นายหน้า นายจ้าง ขอชื่นชมกรณีของนายจ้างที่นำตัวต่างด้าวมาตรวจและขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนกรณีสมาชิกในครอบครัวและนายหน้าที่รู้เห็นเป็นใจกับการลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ควรดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเป็นการกระทำที่คุกคามต่อสวัสดิภาพความปลอดภัยของคนอื่นๆ ในสังคม ... และยังเห็นว่าสถานการณ์ในต่างประเทศยังพอที่จะจัดการหาทางป้องกันได้ แต่ศึกในที่ต้องควบคุมให้ได้คือเรื่องการรับต่างชาติ โดยย้ำว่า ควรยุติฟองสบู่ท่องเที่ยวอย่างน้อยอีก 6 เดือน จากนั้นจึงจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ใช้ช่วงเวลานี้ปฏิรูประบบธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ช่วยเหลือและพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ และต้องระวังอย่างยิ่งเรื่องสองมาตรฐาน ทุกเรื่องต้องมีมาตรฐานเดียวทำทุกกลุ่มให้เหมือนกันทั้งระบบคัดกรอง กักตัว และติดตาม เพื่อให้คนทั้งประเทศปลอดภัย เรื่องนี้คงเป็นการบ้านหนักขอเอาใจช่วยนายกฯ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) และ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กระนั้น แม้จะมีความพยายามสกัดกั้นและป้องกันโรคจากฝ่ายต่างๆเพียงใด กรณีที่เกิดขึ้นกระตุ้นเตือนให้สังคมหันกลับมาตั้งการ์ดสูง ในการป้องกันโควิดอีกครั้ง ทั้งกินร้อน ช้อนส่วนตัว สวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง ล้างมือ