"ถ้ารัฐมนตรีไม่อยู่ก็ยังมีรัฐมนตรีช่วย ตนในฐานะหัวหน้าเศรษฐกิจก็เป็นคนขับเคลื่อนอยู่แล้ว เพราะทำงานร่วมกับคนเหล่านี้มาตลอดตั้งแต่ต้นของทุกโครงการ ข้อสำคัญเราอย่าพูดจนเกิดความเสียหาย จึงต้องขอร้องหลายๆคน ที่ออกมาพูดตอนนี้เหมือนได้โอกาสอะไรสักอย่างหรือไม่ ทำไมไม่เอาประเทศชาติมาก่อน และทำไมไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลทำงานได้ ซึ่งเราต้องทำงานให้ได้ ขออย่าไปติดยึดกับบุคคลมากนัก ขณะที่ในเรื่องการทำงานในระดับปฏิบัติอย่าลืมว่ายังไม่ระดับนโยบายคือผมและรัฐบาล รวมทั้งมีฝ่ายการเมืองขับเคลื่อนและผู้ปฏิบัติคือข้าราชการ" (2ก.ย.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปักหลักชี้แจงกับสื่อมวลชน ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะเดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่จ.สุโขทัยในช่วงบ่าย แต่เมื่อมีประเด็นร้อนๆ ผู้นำรัฐบาล "กัปตันเรือเหล็ก" ต้องเคลียร์ กันก่อน เพราะอย่าลืมว่าการลาออกจากตำแหน่ง รมว.คลัง ของ "ปรีดี ดาวฉาย" จนกลายเป็น "ข่าวใหญ่" ช็อคทุกคนเมื่อเย็นวันที่ 1ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นต่อครม.ทั้งคณะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ ชนิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ปมความขัดแย้งระหว่างปรีดี กับ "สันติ พร้อมพัฒน์" รมช.คลัง ที่ว่ากันว่ากำลังได้รับ "แรงหนุน" จาก "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ "ขุนคลัง" แทนปรีดี และยิ่งฟังจากการให้สัมภาษณ์ของสันติ ยิ่งตอกย้ำแสดงถึงความเชื่อมั่นลึกๆของตัวสันติ เองว่าเขามีความพร้อมมากน้อยไหน โดยเฉพาะความพร้อมที่จะรับมือกับ "แรงกดดัน" แรงต้านอันเกิดจากความคาดหวัง ว่ารัฐบาลจะสามารถกู้วิกฤติเศรษฐกิจหลังโควิดขึ้นมาได้ การตัดสินใจลาออกของปรีดี ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เองจะออกมายืนยันในทิศทางเดียวกับ สันติ ว่ามาจากปัญหาด้านสุขภาพของปรีดี เองก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ใครหลายคนเชื่อไปตามที่ว่านั้น ยิ่งในช่วงเย็นมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองจากพรรคพลังประชารัฐ ว่าไม่เพียงแต่บิ๊กป้อม จะหนุน สันติ ขึ้นนั่งรมว.คลัง เท่านั้น แต่ยังมีเตรียมผลักดัน "นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" จาก รมช.แรงงาน มาเป็น รมช.คลัง ตามโผเดิมที่เคยมีการวางตัวกันมาก่อนหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศ ยึดโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี หากโผที่ว่านี้ ลุล่วง จะยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า แท้จริงแล้วที่ปรีดี ไม่สามารถนั่งทำงานในฐานะ "ขุนคลัง" ต่อไปได้ เพราะทนพิษบาดแผลจาก "เกมการเมือง" ที่กดดันอย่างหนักไม่ไหวนั่นเอง ในท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์กำลังเผชิญ ยังจะต้องหาทางรับมือกับ "วิกฤติศรัทธา" อย่างรุนแรง อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ ก็เป็นพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะกัปตันเรือเหล็กคนนี้ เคยออกปากทาบทาม "คนเก่ง" คนดี มีฝีมือ มาแล้วหลายต่อหลายคน แต่ก็โดนปฏิเสธ มาแล้ว แต่เมื่อได้ คนนอกเข้ามาทำงาน ก็ยังอยู่ไม่ยืด นั่งอยู่ในตำแหน่งได้เพียง20 กว่าวันเท่านั้น ท่ามกลางกระแสข่าวที่ยากจะกลบว่า คนนอกหรือจะสู้การเมืองในพรรคพลังประชารัฐ ที่ร้อนแรง เพราะ "คนอกหัก" ไม่ยอมจบ !