ปัญหาเรื้อรัง ซ้ำซาก ที่เหมือนจะ "รักกัน" แต่กลับ "ร้าวลึก" อยู่ในที !
วิวาทะระหว่าง สมาชิก "พรรคเพื่อไทย" กับ "พรรคก้าวไกล" ในระหว่างที่ต่างเป็น "พรรคฝ่ายค้าน" ด้วยกันแต่กลับ เปิดศึกซัดกันเองให้วุ่นวาย จนลืมไปว่า ต่างมี "ศัตรูคนเดียวกัน" คือ "รัฐบาล" ของ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ต้องอาศัยการรวมพลัง โค่นล้มรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การเขียนรัฐธรรมฉบับใหม่ รวมทั้งยังคาดหวังว่าจะได้มีการเลือกตั้งใหม่ เกิดการเปลี่ยน "รัฐบาลใหม่"
แต่กลับกลายเป็นว่าเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างส.ส.ของสองพรรคฝ่ายค้าน มีขึ้นมาเป็นระยะๆ จนทำให้ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย ต้องออกมา "สั่งสอน" คนของพรรคก้าวไกล ว่าอย่าเหยียบคนอื่นขึ้นไป
ทั้งนี้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลมีขึ้นมาเป็นระยะๆไม่ว่าจะเป็นปัญหาการตัดสินใจส่ง "ผู้สมัคร" ลงสนามเลือกตั้งซ่อมในหลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมา
พรรคก้าวไกลเอง ก็ประกาศ "ไม่ยอมถอย" ย้ำว่าในสนามการต่อสู้ ทุกคน ทุกพรรคมีสิทธิ์ เท่าเทียมกันหมด ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่า ในสนามเลือกตั้งซ่อม จึงมีทั้งผู้สมัครพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ส่งคนลงไปแย่งคะแนนกันเอง จนในที่สุด ก็มีอันต้อง "แพ้ทั้งคู่"
บทเรียนล่าสุดคือการเลือกตั้งซ่อม เขต5 จ.สมุทรปราการ ที่ "กรุงศรีวิไล สุทินเผือก"จากพรรคพลังประชารัฐที่แม้จะโดนใบเหลือง จากการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 24 มี.ค.62 กวาดเอาชัยชนะไปได้อีกครั้ง เพราะ พรรคฝ่ายค้าน ส่งผู้สมัคร ลงไปหักคะแนนกันเอง
ทั้งนี้ปัญหาที่ลึกไปกว่าการระหองระแหง กันระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล ที่เปิดศึกกันเองแล้ว ยังพบว่า ภายในพรรคก้าวไกลเอง ก็ยังไม่เป็นเอกภาพ อย่างชัดเจน !
ยิ่งเมื่อการต่อสู้ของพรรคก้าวไกล ที่ว่าด้วยการเดินหน้ารื้อรัฐธรรมนูญ 2560 คือโจทย์ข้อยาก ยังเป็นเหมือน "เผือกร้อน" เพราะพรรคก้าวไกล ถูกกดดันจาก "ม็อบประชาชนปลดแอก" ที่เคลื่อนไหวชุมนุมอยู่บนท้องถนนและตามสถานศึกษา พยายามเสนอให้ พรรคก้าวไกล ต้อง "รื้อรัฐธรรมนูญ" และต้อง แตะไปยัง มาตรา 1-2 ที่ว่าด้วยเรื่องสถาบัน ซึ่งถือเป็นประเด็นที่อ่อนไหว ที่สุ่มเสี่ยง ส่อเค้าจะพากัน "ตายหมู่"
ด้วยเหตุนี้ จึงอย่าว่าแต่ "คนนอก" ที่ไม่อยากร่วมสังฆกรรมกับพรรคก้าวไกล รวมทั้งการเข้าไปสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ พาดพิงสถาบัน แต่ยังมีรายงานว่า แท้จริงแล้ว ส.ส.ในพรรคก้าวไกลเอง ก็ไม่ต้องการถูกดึงเข้าไปอยู่ใน "โซนอันตราย" เพราะประเมินแล้วว่า เกมนี้อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย !
รอยร้าวในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ยังมีแนวโน้มว่า โอกาสที่จะยืดเยื้อ เรื้อรังออกไป ยังมีสูง
เพราะอย่าลืมว่าสำหรับพรรคก้าวไกลเอง ก็เกิดอาการ "ไม่ไว้ใจ" พรรคเพื่อไทย เช่นกันว่าอาจจะ "สู้ไม่เต็มที่" ท่ามกลางกระแสข่าว "ฮั้ว"กับฝ่ายรัฐบาล ครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นจึงดูเหมือนว่า ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ต่างอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่า "สู้ไป ระแวงกันไป" อย่างที่เห็น !