การเปิดหน้าของ "2พรรคร่วมรัฐบาล" ทั้ง "ประชาธิปัตย์"และ "ภูมิใจไทย" ด้วยการประกาศท่าที แสดงจุดยืนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ผ่านมา ได้กลายเป็น "กระแส" ที่ทำให้ "พรรคพลังประชารัฐ" ต้องเผชิญกับ "ห่ากระสุน" โดน "ฝ่ายตรงข้าม" ทั้งในและนอกสภาฯ พากันรุมถล่ม ในท่วงทำนองที่ว่า พรรคพลังประชารัฐ กำลังจะโดนโดดเดี่ยว! "เสี่ยหนู"อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะ "หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย" พรรคร่วมรัฐบาลอันดับสองนำลูกพรรคแถลงข่าวที่รัฐสภา ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรมนูญ และเสนอให้รัฐสภาพิจารณารับรองตามกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขต้องไม่กระทบหมวด 1 และ หมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ "และเมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแล้ว พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยที่จะให้ยุบสภาฯ เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ และข้อเสนอของภาคประชาชน" (19ส.ค.63) การหนุนให้รัฐบาล "ยุบสภา" จากพรรคภูมิใจไทย มีขึ้นในจังหวะที่ "ม็อบเยาวชนปลดแอก" เคลื่อนไหวนอกสภาฯชู 3 ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล และ 1 ใน 3 ข้อจี้ให้ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องยุบสภา ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่ จะเห็นได้ว่า ม็อบนอกสภาฯ และ พรรคการเมือง ฝ่ายค้านในสภาฯ ดูจะพอใจกับท่าทีจากพรรคภูมิใจไทยไม่น้อย เพราะเชื่อว่านี่คือ "สัญญาณอันตราย" สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ให้รู้ว่า กำลังถูกโดดเดี่ยว เมื่อแรงกดดัน จาก "ม็อบเยาวชนปลดแอก" เคลื่อนไหวร่วมกับภาคประชาชน มีกำลังกล้าแข็ง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคร่วมรัฐบาลอันดับ สาม ในฐานะซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ประกาศจุดยืนในการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐมาตั้งแต่แรกแล้วว่า จะต้องพูดถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 โดยล่าสุด ประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าต้องมีการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้มีส.ส.ร. มาทำหน้าที่ยกร่างฯ แน่นอนว่า ข้อเสนอจาก 2 พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะการให้แก้ไข มาตรา 256 นั้นถือเป็นโจทย์ที่พรรคพลังประชารัฐเองต้องยอมถอย ให้แต่ขณะเดียวกันยังมีข้อแม้ว่า "ห้ามยุ่ง" กับ "บทเฉพาะกาล"! หากมองจากสายตาคนนอก ย่อมต้องเห็นว่า พรรคพลังประชารัฐกำลังโดนกดดันจาก พรรคร่วมรัฐบาลในวาระการแก้รัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับการที่พล.อ.ประยุทธ์ เองต้องรับมือกับแรงเสียดทานจาก "ม็อบเยาวชนปลดแอก" ม็อบนักเรียน นักศึกษา ที่จัดเวทีโจมตีรัฐบาล ไม่เว้นแต่ละวัน อีกทั้งแกนนำบางราย ยังเปิดหน้าเล่น จงใจจาบจ้วงสถาบัน อย่างไม่ยำเกรง ยิ่งทำให้ "คนรักสถาบัน" พยายามเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ "ยาแรง" กำราบม็อบ แต่รัฐบาลและกองทัพเองไม่อาจทำได้ สถานการณ์ของรัฐบาล เวลานี้ที่กำลังเจอกับศึกในและศึกนอก โหมเข้ามาพร้อมๆกันนั้น แท้จริงแล้ว "ศึกใน" ที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ทุกอย่างจะเดินหน้าไปตามกระบวนการขั้นตอนตามที่พรรคพลังประชารัฐ เป็นฝ่ายกำหนดเกมต่างหาก และไม่มีทางที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ จะ "ถอนสมอ" ตีจากรัฐบาลก่อนเวลาอันควรที่ "แรงเชียร์" จากฝ่ายตรงข้าม ทั้งในและนอกสภาฯ เพราะแท้จริงแล้ว พรรคการเมือง นักการเมือง ต่างกำลัง "โหนกระแส" ไล่ล้อสอดรับไปกับการเคลื่อนไหวการเมืองภาคประชาชน เพื่อรักษา "รังวัด" ของตัวเองเอาไว้เท่านั้น เพราะทุกคนรู้ดีว่า โอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจ "ยุบสภาฯ" นั้นยากเต็มที พอๆกันโอกาสที่จะ ทำการ "รัฐประหาร" เอารถถังออกมาปราบม็อบนักศึกษา ตามที่ ไอโอของฝ่ายตรงข้ามพยายามโหมประโคม เพื่อปลุกระดมมวลชนนั่นเอง! แล้วมีหรือที่ "เซียนการเมือง" อย่างภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ จะอ่านไม่ออก ว่าสุดท้ายแล้ว ยังต้องอยู่ด้วยกันอีกพักใหญ่ๆ!